วันอังคารที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2556

เที่ยวแบบไหนบอกนิสัยคุณได้

ถ้าเกิดว่าคุณนั้นมีโอกาสที่จะได้ไปเที่ยวกับแฟน หรือว่าคนที่คุณรัก คุณอยากจะไปเที่ยวที่ไหนคะ เพราะว่าสถานที่เที่ยวที่คุณชอบไป หรือว่าอยากจะไปนั้น สามารถที่จะบอกนิสัยของคุณได้เป็นอย่างดีทีเดียวคะ เรามาดูกันว่าสถานที่ที่คุณอยากจะไปเที่ยวนั้น สามารถที่จะบอกนิสัยคุณว่าคุณนั้นเป็นคนอย่างไรกันคะ

- สำหรับคนที่ชอบเที่ยวฤดูหนาว แสดงว่าคุณนั้น เป็นคนที่มีความมั่นใจในตัวเองมาก ถึงแม้ว่าบุคลิกของคุณนั้น มันอาจจะดูไม่ห้าก็ตาม และสำหรับจิตใจของคุณแล้ว ก็จะมีพลังเข้มแข็ง และก็ยังกล้าที่จะสู้กับปัญหาด้วย รวมทั้งยังกล้าที่จะเผชิญ กับความเปลี่ยนแปลงด้วย

- สำหรับใครที่ชอบเที่ยวฤดูฝน แสดงว่าคุณนั้น เป็นคนที่ช่างฝัน รวมทั้งยังชอบคิดถึง ความรู้สึกของตัวเองเป็นหลักด้วย เพราะฉะนั้นแล้ว ในบางครั้งนั้น คุณก็อาจจะเป็นคนที่เหงาได้ง่าย และก็เศร้าได้ง่ายด้วย รวมทั้งยังมีความโรแมนติกมากด้วย

- สำหรับคนที่ชอบเที่ยวในฤดูในไม้ร่วง เป็นคนที่ชอบ เรื่องของความเป็นระบบระเบียบ และสำหรับจิตใจของคุณแล้ว ก็มักจะแสวงหา ความมั่นคงและก็ความปลอดภัย สำหรับชีวิตคุณ และก็ยังเป็นคนช่างคิด และก็เป็นคนช่างวางแผนด้วย

- สำหรับคนที่ชอบเที่ยวในฤดูร้อน แสดงว่าคุณนั้น ทายนิสัย เป็นคนที่รักอิสระ และก็ยังมีนิสัยใจคอที่เบิกบาน รวมทั้งเป็นคนที่เริงร่า เหมือนกับยังเป็นเด็กด้วย

- สำหรับคนที่ชอบเที่ยว ปลายฝนต้นหนาว เป็นคนที่มีจิตใจ ที่มีความอ่อนโยนมาก และสำหรับในด้านความคิดนั้น ก็กลับกลายเป็นว่า ค่อนข้างที่จะรุนแรง รวมทั้งยังชัดเจนด้วย ยิ่งถ้าเกิดว่าเป็นเรื่อง ของความทะเยอทะยาน และก็ยังเป็นคนที่ รักในความก้าวหน้า และก็ยังไม่ชอบ เรื่องของความเงียบเหงา รวมทั้งยังเบื่อง่ายด้วย เป็นคนที่รักเพื่อนฝูงมาก

ตกลงว่าคุณชอบเที่ยวแบบไหนค่ะ แต่น่านฟ้าของเราชอบทุกที่เลยค่ะ

ขอขอบคุณ horoscope.kapook.com

สนใจท่องเที่ยวไปกับน่านฟ้าเวิร์ดทัวร์
E-mail: Nanfahtour@gmail.com
Tel: 087-084-2233

วันจันทร์ที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2556

เที่ยวไปอิ่มใจไป
 
ได้อ่านบทความนี้จากเว็ปไซด์ดีๆ ที่ชื่อว่าต้นไม้ขี้เหงา ลองดูกันนะคะ การเดินทางของเราจะไม่ใช่แค่เพื่อความสุขของเราคนเดียวอีกต่อไป แต่เป็นความสุขที่เราสามารถแบ่งปันได้ค่ะ



รสชาติของการเดินทางแต่ละครั้ง ไม่ได้ขึ้นกับจุดหมายปลายทางเท่านั้น
บางทีมันก็เริ่มต้นตั้งแต่การจัดกระเป๋าเดินทาง
ทริปไหนยาวนานเกินสัปดาห์ หมายความว่า
เราจำเป็นต้องใช้เสื้อผ้าในปริมาณที่เกินกว่ากระเป๋าเดินทางใบเล็กของเราจะบรรทุกไหว
เราต้องเลือกว่า จะเปลี่ยนกระเป๋าให้ใบใหญ่ขึ้น
หรือจะเอาเสื้อผ้าไปให้น้อยลง แล้วใช้วิธีซักเอา
นักเดินทางจำนวนมากถือคติเหลือดีกว่าขาด
ออกเดินทางแต่ละครั้งก็พกพาอุปกรณ์ทุกอย่างติดตัวไปมากที่สุดเท่าที่ขนไหว
เสื้อผ้าก็มีพอดีวัน (หรือเกินวัน)
นับเป็นการเดินทางที่ปลอดภัยไร้กังวลมาก
แต่ทริปที่มีเรื่องให้กังวลบ้างก็สนุกไปอีกแบบ
แรกๆ ผมเป็นพวก แบกทุกอย่างไปด้วยเท่าที่จะยัดลงเป้ไหว
พอใส่ชิ้นสุดท้ายหมดก็แทบจะรูปซิปไม่มิด
ไม่รู้ทำไม กระเป๋าเดินทางขากลับมันถึงบวมกว่าขาไปเสมอ ทั้งๆ ที่ของก็เท่าเดิม
นั่นทำให้ผมมักประสบปัญหาการจัดกระเป๋าในขากลับ
แค่เอาของที่แบกไปด้วยกลับให้ครบยังลำบาก
ของฝากนี่ไม่ต้องพูด ถ้าไม่หิ้วพะรุงพะรังกลับมานี่หมดสิทธิ์แน่นอน
พูดถึงของฝาก หลายคนมักนึกถึงสิ่งของที่เราซื้อหากลับมาเป็นที่ระลึก ทั้งที่กินได้และไม่ได้
แต่ในหลายกรณี ของฝากก็เป็นอะไรที่มากกว่านั้น
อย่างเช่น สิ่งที่เราได้รับกลับมาโดยไม่ได้ร้องขอ ได้มาโดยบังเอิญ ทั้งที่รู้ตัวและไม่รู้ตัว
อาจไม่มีมูลค่า แต่เปี่ยมไปด้วยคุณค่า
การได้รับของฝาก แต่ไม่มีพื้นที่เก็บของฝากกลับ นี่น่าเจ็บใจนะครับ
พอเดินทางมาได้สักพัก ผมก็เรียนรู้อะไรหลายอย่าง
เช่น เราไม่จำเป็นต้องเอาเสื้อผ้าไปครบวันก็ได้
เพราะที่พักส่วนใหญ่มีเครื่องซักผ้าให้ ถึงไม่มีเครื่องซักผ้า เราก็ยังมีมือ และมีแดด
ถ้าซักผ้า 1 ครั้งหมายถึง เราสามารถลดปริมาณเสื้อผ้าลงได้ครึ่งหนึ่ง
ถ้าซัก 2 ครั้ง ก็ลดปริมาณเสื้อผ้าลงได้ 2 ใน 3
กระเป๋าเราจะมีที่ว่างให้เราใส่อะไรไปได้อีกมากมาย
แต่ผมก็ไม่คิดจะเอาอะไรไปเพิ่ม เพราะผมอยากเก็บที่ว่างตรงนั้นไว้ใส่ของฝากกลับมามากกว่า
พี่จุ้ย ศุ บุญเลี้ยง เคยให้สัมภาษณ์ไว้ราวๆ 20 ปีก่อนว่า
เวลาไปเที่ยวเอาของไปครึ่งเป้ก็พอ อีกครึ่งไปหาเอาข้างหน้า
ผมชอบประโยคนี้ ทั้งในความหมายโดยตรง และโดยนัย
ถ้าเป้หมายถึงใจ การเดินทางโดยพกพาความเป็นตัวเองไปครึ่งหนึ่ง
แล้วพร้อมเปิดใจอีกครึ่งให้กับสิ่งใหม่ที่ได้พบ
ถือเป็นวิธีคิดในการเดินทางที่ดี
ไม่ว่าเราจะเป็นนักเดินทางแบบแบกเป้ ลากกระเป๋า หรือเดินตามธง
การพกของไปเต็มเป้ครบครัน หรือการมีใจเต็มดวงจนไม่ต้องการอะไรมาเติมอีกแล้ว
อาจไม่ใช่ความสมบูรณ์แบบเสมอไป
เป้ของผมเลยมีที่ว่างเกือบครึ่งใบเสมอ
ผมพกที่ว่างไปด้วย แต่นักเดินทางบางส่วนก็ไปหาที่ว่างเอาข้างหน้า
คือโละสัมภาระ ปลดระวางสิ่งของที่ไม่ใช้ไปตลอดการเดินทาง
ทิ้งบ้าง ขายบ้าง บริจาคบ้าง
การเอาไปแต่ไม่เอากลับ เหมือนจะน่าเสียดาย
แต่ถ้ามองดีๆ พวกเขาได้ของกลับมาด้วยเสมอ
เพียงแต่ว่าไม่ใช่ชิ้นเดียวกับที่เอาไปเท่านั้นเอง
ผมเคยนึกตำหนินักเดินทางที่ชอบเอาขนมหรือของเล็กๆ น้อยๆ ไปแจกเด็กๆ ตามแหล่งท่องเที่ยว
ว่าเป็นการเพาะเมล็ดพันธุ์ในตัวเด็กให้กลายเป็นนักขอ
เมื่อเห็นนักท่องเที่ยวต่างชาติก็กรูกันเข้ามาหาเหมือนฝูงปลาสวายว่ายมาขอขนมปัง
แต่ความคิดของผมเปลี่ยนไปเมื่อเห็นโครงการนี้
ซวี จื้อไห่ เป็นเด็กหนุ่มชาวกวางโจว แดนมังกร
เดิมทีเขาเป็นนักเดินทางธรรมดาสามัญที่ชอบเที่ยวท่องไปทั่วประเทศ
เขาพบว่าทิวทัศน์อันงดงามนั้นมักอยู่ในสถานที่อันไกลโพ้นซึ่งค่อนข้างอันตราย
แต่ที่เหล่านั้นก็ยังมีหมู่บ้าน มีเด็ก แต่ไม่มีโอกาสได้เรียนรู้
เพราะความยากจน และความยากเย็นในการสื่อสารกับโลกภายนอก
เด็กหนุ่มผู้มีฉายาว่า ‘เทวดา’ คนนี้พบว่า
เด็กๆ ในชุมชนอันห่างไกลนั้น ไม่ได้ต้องการแค่หนังสือเรียน
แต่ยังต้องการของอีกหลายอย่าง ร่วมไปถึงอยากพูดคุยกับคนที่มาจากโลกภายนอก
เขาเลยตั้งองค์กรไม่แสวงหากำไรของตัวเองที่ชื่อว่า 1 Kilo More ขึ้นมาเมื่อปี 2004
วัตถุประสงค์ขององค์กรนี้คือ
แก้ปัญหาการศึกษาของเด็กยากจนในพื้นที่อันไกลโพ้นผ่านการเดินทาง
วิธีการนั้นก็ง่ายมาก คือรณรงค์กับนักเดินทางที่กำลังจะไปเที่ยวในพื้นที่อันห่างไกลว่า
ให้นำของจำพวก เครื่องเขียน เครื่องเรียน เครื่องเล่น ตามแต่เราจะชอบ ติดกระเป๋าไป 1 กิโลกรัม
เพื่อบริจาคให้เด็กในโรงเรียนที่พบเจอระหว่างทาง
แบกความปรารถนาดีติดตัวไปเพิ่ม 1 กิโลกรัม เพื่อนำไปส่งต่อ
ไอเดียนี้ไม่ได้เน้นให้คนเอาของไปบริจาคเหมือนองค์กรการกุศลทั่วไป
แต่อยากให้เราเลือกของที่คิดว่าเหมาะควรเพื่อนำไปมอบ
โดยจุดประสงค์หลักไม่ใช่การยื่นของให้แบบการโปรดสัตว์
แต่เป็นการใช้เวลาร่วมกับเด็ก พูดคุย เรียนรู้ร่วมกัน
ความพิเศษอีกอย่างคือการใช้อินเตอร์เน็ตเป็นช่องทางแชร์ข้อมูล
ในเว็บไซต์ 1kg.org มีฐานข้อมูลโรงเรียนเกือบ 1,000 แห่ง
นักเดินทางที่สนใจอยากเข้าร่วมโครงการ (โครงการนี้เรียกว่าอาสาสมัคร)
แค่พิมพ์ชื่อจุดหมายปลายทาง เขาก็จะเห็นว่าแถวนั้นมีโรงเรียนอะไรบ้าง
โรงเรียนแต่ละแห่งต้องการอะไร ลงที่อยู่และเบอร์โทรพร้อม
หรือจะเสิร์ชตั้งต้นจากของที่ต้องการบริจาคก็จะเห็นว่า มีโรงเรียนไหนต้องการสิ่งนี้บ้าง
ถ้าอาสาสมัครไปเที่ยวแล้วเจอข้อมูลใหม่ๆ ก็สามารถเอามาอัพเดตลงในฐานข้อมูลได้
ตอนนี้มีคนลงทะเบียนออนไลน์ว่าพร้อมจะเป็นอาสาสมัครแล้ว 20,000 คน
ในจำนวนนี้มีอาสาสมัครที่ออกเดินทางบริจาคอย่างสม่ำเสมอในหลักร้อยคน
ส่วนใหญ่เป็นเด็กวัยรุ่น
ด้วยพลังของเด็กเหล่านี้ทำให้มีกิจกรรมบริจาคของให้โรงเรียนในเขตห่างไกลเดือนละ 40-50 ครั้ง
องค์กรนี้มีพนักงานประจำ 7 คน
ส่วนใหญ่ลาออกจากงานประจำเพราะต้องการช่วยเหลือคนอื่น หลงรักการเดินทาง
และเคยเจอฉากดราม่าแสนประทับใจ เมื่อนำของไปมอบให้เด็กๆ ตอนเป็นอาสาสมัคร
เมื่อเราเอาของออกจากกระเป๋าไปมอบให้เด็กๆ ก็เท่ากับเราทิ้งน้ำหนักไปได้ 1 กิโลกรัม
แล้วเราก็ได้รับความรู้สึกดีๆ กลับมาเก็บไว้แทนที่ในกระเป๋า
มิตรภาพ ความสุข และความรู้สึกพิเศษเหล่านี้ มองไม่เห็น ชั่งไม่ได้
เลยไม่รู้ว่าหนักกว่า 1 กิโลกรัมหรือเปล่า
ถึงจะหนักกว่าก็ไม่ต้องกลัว เพราะความรู้สึกดีๆ เหล่านี้
แม้ว่าจะหนักแค่ไหนเราก็ไม่ต้องแบก

สนใจท่องเที่ยวไปกับน่านฟ้าเวิร์ลทัวร์ติดต่อได้ที่
E-mail: Nanfahtour@gmail.com
Tel: 087-084-2233

วันอังคารที่ 23 เมษายน พ.ศ. 2556

10 สถานที่ชมดอกไม้ในเมืองไทยที่คุณได้ไปต้องประทับใจแบบสุดๆ
1.ชมทุ่งดอกบัวตองดอยแม่อูคอ ช่วง กลางเดือน พ.ย.-ต้น ธ.ค. อยู่ที่ วนอุทยานทุ่งบัวตอง จ.แม่ฮ่องสอน


2.ชมดอกเสือโคร่ง (ซากุระเมืองไทย) ช่วง ปลาย ธ.ค.- ต้น ม.ค. อยู่ที่ ดอยแม่สลอง จ.เชียงราย



3.ชมดอกชมพูภูคา ช่วง ปลาย ก.พ.-มี.ค อยู่ที่ อช.ดอยภูคา จ.น่าน


4.ชมดอกเปราะภูบาน ช่วง กลาง มิ.ย.-กลาง ก.ค. อยู่ที่ เขตรักษาพันธุ์สัตร์ป่าภูหลวง จ.เลย



5.ชมดอกลิ้นมังกรสีชมพู ช่วง ส.ค. อยู่ที่ บริเวณน้ำตกหมันแดง อช.ภูหินร่องกล้า จ.พิษณุโลก



6.ชมทุ่งดอกกระเจียว ช่วง มิ.ย.- ก.ค. อยู่ที่ อช.ป่าหินงาน และ อช. ไทรทอง จ.ชัยภูมิ


7.ชมทุ่งทานตะวัน ช่วง ธ.ค.- ม.ค. อยู่ที่ บริเวณอ่างชับเหล็ก เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ จ.ลพบุรี และ อ.วังม่วง จ.สระบุรี



8.ชมดอกทิวลิป ช่วง ปลาย ธ.ค. - ก.พ. อยู่ที่ สวนทิวลิปนนท์ จ.นนทบุรี



9.ชมดอกพลับพลึงธาร ช่วง ต.ค. - พ.ย. อยู่ที่ เขตรักษาพันธุ์สัตย์ป่าคลองนาคา จ.ระยอง


10.ชมดอกบัวผุด ช่วง พ.ย. - มี.ค. อยู่ที่ อช.เขาสก จ.สุราษฏร์ธานี


สนใจท่องเที่ยวไปกับน่านฟ้าเวิร์ลทัวร์ติดต่อได้ที่
E-mail: Nanfahour@gmail.com
Tel: 087-084-2233
ปั่นชมธรรมชาติ  สูดอากาศบริสุทธิ์ ที่คุ้งบางกะเจ้า

รู้จักคุ้งบางกะเจ้า
คุ้งบางกะเจ้าเป็นส่วนหนึ่งของ อ. พระประแดง จ. สมุทรปราการ ด้วยสัณฐานคล้ายกระเพาะอาหาร ใครๆ จึงเรียกพื้นที่นี้กันติดปากว่ากระเพาะหมู กระเพาะหมูขนาดใหญ่แห่งนี้มีแม่น้ำเจ้าพระยาล้อมรอบจึงดูคล้ายเกาะ และเกาะนี้ก็มีเนื้อที่กว้างใหญ่ถึง ๑.๒ หมื่นไร่ ครอบคลุมพื้นที่ถึง ๖ ตำบลของ อ. พระประแดง ได้แก่ ต. ทรงคนอง  ต. บางยอ ต. บางกระสอบ  ต. บางน้ำผึ้ง  ต. บางกอบัว และ ต. บางกะเจ้า ถือเป็นพื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่ใกล้กรุงที่นอกจากจะอุดมไปด้วยทรัพยากรธรรมชาติแล้ว ยังพรั่งพร้อมด้วยวิถีวัฒนธรรมและภูมิปัญญา ในปี พ.ศ. 2549 จึงได้รับการยกย่องจากนิตยสาร ไทม์ส (Times) ให้เป็น The Best Urban Oasis of Asia
คุ้งสีเขียว สวรรค์ของนักปั่น
ในวันที่พาหนะ 2 ล้อกลายเป็นสัญลักษณ์ของความเก๋ เท่ ฮิป และกลับมาเป็นที่นิยมอีกครั้งของคนเมืองใหญ่ ชาวคุ้งบางกะเจ้ากลับมองวิถีแห่งจักรยานเป็นเรื่องปกติธรรมดา การขี่จักรยานเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันเหมือนการกินข้าวหรืออาบน้ำ ดังนั้นวิธีรู้จักคุ้งบางกะเจ้าที่ดีที่สุดสำหรับเราจึงเป็นการเรียนรู้ผ่านจักรยานจุดเช่ารถจักรยานมีด้วยกัน 2 จุด คือ ที่สวนป่าทรงคนอง หมู่ 2 (สวนป่าเกดน้อมเกล้า) ใน ต. ทรงคนอง และบ้านธูปสมุนไพร ใน ต. บางน้ำผึ้ง
เมื่อจักรยานพร้อม แผนที่พร้อม ก็เริ่มปั่นได้ แต่หากไม่มีความรู้เรื่องพื้นที่และเส้นทางใน ๖ ตำบลของคุ้งบางกะเจ้า ให้ตรงไปยังศูนย์บริการการท่องเที่ยวด้วยจักรยาน หรือจะถามหาบ้านลุงกุล ต. บางยอ ก็ได้ลุงกุล หรือ กุล สาธิตานุรักษ์ เป็นประธานชมรมจักรยานรักษ์บางยอและผู้เชี่ยวชาญเส้นทางจักรยานในพื้นที่คุ้งบางกะเจ้า  
หากเข้าไปขอคำแนะนำจากคุณลุง นักปั่นจะได้ข้อมูลเกี่ยวกับเส้นทางหลายเส้นทางเพื่อเลือกให้สอดคล้องกับศักยภาพและความต้องการของตนเอง  ถ้าชอบผจญภัย ลุงกุลจะแนะให้ขี่ไปบนเส้นทางวิบากระยะทาง 25 กิโลเมตร แต่ถ้าเป็นมือใหม่ อยากปั่นสบายๆ ก็มีเส้นทาง 7 กิโลเมตรให้ปั่นซึมซับความงามของธรรมชาติอย่างไม่ต้องเหนื่อยมาก ส่วนเส้นทางยอดนิยมที่นักปั่นส่วนใหญ่สมัครใจปั่นให้รู้จักคุ้งบางกะเจ้า คือเส้นทางที่เราแอบเรียกในใจว่า "เส้นทางสายกลาง" ระยะทางประมาณ 17 กิโลเมตร ผ่าน 6 ตำบลของคุ้งบางกะเจ้าไปบนถนนใหญ่บ้าง ลัดเลาะไปตามคันคลองร่องสวนบ้าง และเรากำลังจะนำคุณปั่นไปบนเส้นทางนี้
สัมผัสรากเหง้าของ คุ้งบางกะเจ้าที่ทรงคนอง
หากยึดสะพานภูมิพลเป็นหมุดหมายแรกของการมาถึงคุ้งบางกะเจ้า ก็ต้องถือว่า ต. ทรงคนองเป็น "หน้าบ้าน" ที่ผู้มาเยือนจะได้พบก่อนผ่านไปรู้จักตำบลอื่นๆ และในฐานะเจ้าบ้าน คงไม่มีตำบลใดทำหน้าที่นี้ได้ดีเท่าตำบลนี้ ด้วยมีสถานที่สำคัญหลายแห่งที่จะให้ความรู้เกี่ยวกับคุ้งบางกะเจ้า โดยเฉพาะ พิพิธภัณฑ์คลองลัดโพธิ์ บริเวณสะพานภูมิพล ซึ่งจัดแสดงประวัติความเป็นมาของการสร้างสะพานภูมิพล คลองลัดโพธิ์ ชุมชนคลองลัดโพธิ์ ด้วยการนำเสนอที่น่าสนใจพร้อมเครื่องมือสมัยใหม่ปั่นต่อไปอีกนิดจะพบ 
พิพิธภัณฑ์มอญวัดคันลัด จัดแสดงนิทรรศการเกี่ยวกับคนมอญถิ่นพระประแดงให้ผู้มาเยือนได้ทราบว่า ผืนดินที่ย่ำเดินอยู่นี้เป็นถิ่นชาวมอญซึ่งพึ่งพิงอิงอาศัยมาตั้งแต่สมัยต้นรัตนโกสินทร์ อุดมด้วยวัฒนธรรมล้ำค่าของชาวมอญ  สิ่งยืนยันถึงการสร้างบ้านแปงเมืองของมอญในพื้นที่นี้คือมี หมู่บ้านมอญ บริเวณรอบวัดคันลัด  บ้านเรือนของคนมอญเป็นบ้านไม้คล้ายเรือนไทยใต้ถุนสูง มีลานโล่งกว้างไว้เล่นสะบ้าในช่วงสงกรานต์พิพิธภัณฑ์ทั้ง 2 แห่งถือเป็นแหล่งความรู้เชิงวัฒนธรรมของคุ้งบางกะเจ้าที่ดีที่สุด 
ส่วนข้อมูลเชิงธรรมชาตินั้น นักท่องเที่ยวต้องไปที่ สวนป่าทรงคนอง หมู่ 2 (สวนป่าเกดน้อมเกล้า) ศูนย์กลางการเรียนรู้เรื่องธรรมชาติซึ่งคนในท้องถิ่นร่วมกันจัดการและดูแลรักษา พร้อมเปิดให้ผู้สนใจเข้าเยี่ยมชมตลอดเวลา  ใกล้กันนั้นมี วัดป่าเกด วัดเก่าแก่ของคุ้งบางกะเจ้าซึ่งมีจิตรกรรมฝาผนังที่งดงาม รวมถึงหน้าบันรูปนารายณ์ทรงครุฑอันแสนวิจิตรให้ชม
ชมวิถีชีวิตพื้นบ้านในบางยอจาก ต. ทรงคนอง เราปั่นตรงขึ้นไปตาม ถ. เพชรหึงษ์จนเข้าสู่เขต ต. บางยอ ผ่าน สวนป่าเกษตรตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง พื้นที่อนุรักษ์ของโครงการสวนกลางมหานครซึ่งร่มรื่นไปด้วยพันธุ์ไม้ และเราก็มาถึงที่ตั้งของบ้านลุงกุล ที่ ซ. เพชรหึงษ์ 23 ซึ่งจัดตั้งเป็น ศูนย์บริการการท่องเที่ยวด้วยจักรยาน อันเป็นศูนย์กลางการเรียนรู้สำหรับนักปั่นหน้าใหม่และแหล่งพบปะสังสรรค์ของสิงห์นักปั่นผู้เจนทาง  ไม่ไกลจากบ้านลุงกุล มี สวนมะพร้าวน้ำหอมลุงพงษ์ศักดิ์ แถวเถื่อน ผู้ยึดอาชีพทำน้ำตาลมะพร้าวมากว่า 50 ปี  มะพร้าวน้ำหอมถือเป็นผลไม้ขึ้นชื่อของที่นี่ เช่นเดียวกับการทำน้ำตาลมะพร้าวซึ่งเป็นภูมิปัญญาสืบทอดมาจากบรรพบุรุษของชาวบางกะเจ้าที่นับวันจะหาดูได้ยากเต็มที
เที่ยวสวนป่า แหล่งเพาะกล้าพันธุ์ ที่บางกระสอบ
"ห้ามตัดต้นไม้ทุกต้นในพื้นที่ 6 ตำบลนี้" คือกฎสำคัญที่คนในชุมชนบางกะเจ้าร่วมกันบัญญัติไว้  ยิ่งปั่นลึกเข้าไปในสวนป่าและแหล่งเพาะกล้าพันธุ์ เรายิ่งกล้ายืนยันว่านี่คือกฎที่แข็งแกร่งที่สุดเมื่อปั่นจาก ถ. เพชรหึงษ์เข้าไปยัง ซ. เพชรหึงษ์ 22 เราก็พบบรรยากาศของผืนป่าใน สวนป่าชุมชนบางกระสอบ สวนป่าขนาดใหญ่ร่มรื่นด้วยไม้ยืนต้นประจำถิ่นอย่างหว้า จิก ลำพู ลำแพน เป็นทั้งที่อยู่อาศัยของหิ่งห้อยและบ้านของสัตว์น้อยใหญ่อีกมากมาย นอกจากนี้ยังมีลำคลองเส้นทางสัญจรของชาวบ้านซึ่ง 2 ฝั่งปกคลุมด้วยป่าจากเสียงลุงกุลให้ข้อมูลเรื่องป่าแว่วมาว่า "วิธีการปลูกป่าที่นี่คือปลูกต้นใหม่แซมไปกับต้นเก่า"  เมื่อไม้เล็กแตกกิ่งก้าน โดยไม้ใหญ่ไม่ถูกตัดทำลาย ผืนดินแห่งนี้จึงกลายเป็นผืนป่าสีเขียวแห่งใหญ่ ผลแห่งการพึ่งพาอาศัยกันระหว่างสิ่งมีชีวิตปั่นลึกต่อเข้าไปอีกในซอย เราได้พบโฮมสเตย์เล็กๆ ริมป่าจากชื่อ บ้านชายคลองริมน้ำ ที่ให้ผู้เข้าพักได้กิน-นอน-อยู่อย่างคนบางกะเจ้าของแท้ 
บรรยากาศรอบบ้านร่มรื่นเหมาะสำหรับหนีความวุ่นวายจากโลกภายนอกมาผ่อนพักกายใจ  ไม่ใกล้ไม่ไกลจากนั้นมี สวนไม้ดอกไม้ประดับ สุพจน์ สำเภาเล็ก แหล่งเพาะพันธุ์ต้นอโกลนีมาหรือแก้ว-กาญจนา ชวนชม และหน้าวัว  ผู้ชื่นชอบอโกลนีมาซึ่งได้สมญาว่าราชาแห่งไม้ประดับ ไม่ควรพลาดแวะชมสวนนี้  อีกสวนที่น่าสนใจไม่แพ้กัน คือ สวนหมากแดงลุงกลม ซึ่งเพาะพันธุ์หมากแดงไว้จำหน่าย  หมาก-แดงเป็นพืชตระกูลปาล์ม ใบและผลเป็นสีแดงสดสวยงาม ทนน้ำเค็มได้ดี  ปัจจุบันที่นี่เป็นแหล่งเพาะพันธุ์หมากแดงแหล่งใหญ่แหล่งหนึ่งของประเทศก่อนออกแรงปั่นกันต่อ เราสูดหายใจลึกๆ ตักตวงอากาศบริสุทธิ์เข้าไปจนเต็มปอด พลางตระหนักว่า กฎเหล็กที่ชาวบ้านให้ความร่วมมือปฏิบัติกันอย่างเคร่งครัดนั้นส่งผลดีเช่นนี้เอง

ไม่มีคำว่าเหงาเมื่อเราไปบางน้ำผึ้ง
บรรยากาศรอบข้างเริ่มเปลี่ยนอีกครั้งเมื่อเราปั่นฉิวขึ้นไปยัง ต. บางน้ำผึ้ง  สัญญาณของความคึกคักเริ่มปรากฏเมื่อเข้าใกล้ ตลาดน้ำบางน้ำผึ้ง ตลาดซึ่งเกิดจากการร่วมมือกันขององค์การบริหารส่วนตำบลและคนในชุมชน  สินค้าในตลาดล้วนเป็นผลิตผลในท้องถิ่น จึงเป็นการสร้างรายได้ให้ชาวบ้าน ขณะเดียวกันชาวบ้านก็มีส่วนร่วมในชุมชนอย่างเต็มที่  
จุดน่าสนใจอีกแห่งอยู่ด้านหลังตลาด มีชื่อเป็นทางการว่า เส้นทางศึกษาธรรมชาติในโครงการสวนกลางมหานคร แต่เรียกกันง่ายๆ สั้นๆ ว่า สวนป่าบางน้ำผึ้ง สวนที่เกิดขึ้นตามแนวพระราชดำริของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ซึ่งมีพระราชประสงค์ให้เพิ่มแหล่งศึกษาเรียนรู้ทางธรรมชาติมากขึ้น พื้นที่เพียงไม่กี่ไร่นี้จึงอัดแน่นไปด้วยความรู้เกี่ยวกับสภาพแวดล้อมในคุ้งบางกะเจ้าและความสำคัญของธรรมชาติที่มนุษย์ควรหวงแหนและดูแลรักษาได้รับความรู้จากห้องเรียนธรรมชาติกันจุใจแล้ว 
เราจึงปั่นเจ้า 2 ล้อไปต่อที่ บ้านธูปสมุนไพร ศูนย์การเรียนรู้การผลิตธูปสมุนไพรแบบต่างๆ  ทางเข้าบ้านธูปฯ เป็นทางปูนเล็กๆ ยกระดับเลียบร่องสวน รถใหญ่เข้าไม่ได้ ทางเส้นนี้จึงยังคงความเป็นธรรมชาติไว้ได้สมบูรณ์ที่สุด  ที่บ้านธูปสมุนไพร นอกจากการทำธูปสารพัดรูปแบบ ยังมีกิจกรรมให้เข้าร่วมอีกหลากหลาย อาทิ การทำขนมไทย อาหารไทย การประดิษฐ์สิ่งของจากวัสดุเหลือใช้ ทุกกิจกรรมล้วนเป็นการสืบสานภูมิปัญญาท้องถิ่นให้คงอยู่  ผู้ที่สนใจต้องติดต่อมาล่วงหน้า ทางบ้านธูปฯ จะได้จัดเตรียมเนื้อหา อุปกรณ์การสอน และสถานที่ให้พร้อม เพื่อให้ผู้ฝึกอบรมได้รับความรู้อย่างเต็มที่สำหรับใครที่อยากซึมซับบรรยากาศยามค่ำคืน ใน ต. บางน้ำผึ้งมีที่พักหลายรูปแบบให้เลือก ใครอยากพักในหมู่บ้านเพื่อเข้าถึงความเป็นบางกะเจ้าแท้ๆ ก็มีโฮมสเตย์ให้พักแรม เช่น ผึ้งนางโฮมสเตย์ นอกจากจะได้กินอยู่อย่างชาวบางกะเจ้าแล้ว ยังจะได้ชมของเก่าอัน
มีค่าและหายาก เช่น เปลือกหอยนานาชนิด เครื่องประดับ ของใช้ในครัวเรือนของคนไทยในอดีต ที่ พิพิธภัณฑ์ของเก่า ซึ่งจัดแสดงในบริเวณโฮมสเตย์นี้  แถมถ้าใครไม่ได้นำจักรยานมาด้วย ก็มีจักรยานให้บริการฟรี  หรือหากอยากสัมผัสธรรมชาติท่ามกลางบรรยากาศรีสอร์ตก็พอมีให้เลือกพักอยู่หลายแห่ง
ใกล้ชิดธรรมชาติ ย่านบางกอบัว
จากบ้านธูปสมุนไพร เราค่อยๆ ปั่นลัดเลาะคันคลองร่องสวนไปตามทางปูนยกระดับ บางช่วงมีราวกั้น 2 ฝั่งปั่นได้อุ่นใจ บางช่วงมีราวฝั่งเดียวแต่ยังปั่นได้แบบพอมีหลักยึด ขณะบางช่วงไร้ราวใดๆ กั้นขวางจนบางคนในหมู่พวกเราชื่นชมธรรมชาติเพลินไปนิดเผลอปั่นออกนอกทางปูนตกลงไปในร่องสวน ฉะนั้นใครไม่อยากสัมผัสธรรมชาติแบบ "เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน" คงต้องระมัดระวังเป็นพิเศษปั่นชมธรรมชาติพลางกำกับเส้นทางกันไปพลาง เพียงครู่เดียวเราก็เข้าเขต ต. บางกอบัว  ว่ากันว่าชื่อ "บางกอบัว" มีต้นเค้ามาจากคำว่า "บางกะบัว"
แม้ถ้อยคำอาจผิดเพี้ยนแปรเปลี่ยนไปจากวันเก่าก่อน แต่หัวใจสำคัญของการเป็นตำบลที่บริสุทธิ์สงบงามยังคงมีอยู่และดำเนินเรื่อยมาเราแวะ ฟาร์มเห็ดช่างแดง เป็นแห่งแรก  ฟาร์มนี้เกิดจากใจรักบวกกับความอุตสาหะใฝ่เรียนรู้ของช่างแดง หรือ สมศักดิ์ ชัยเขื่อน-ขันธ์ ในปัจจุบันกลายเป็นฟาร์มเห็ดที่มีชื่อเสียง แถมยังเป็นแหล่งเรียนรู้เรื่องราวสารพันเกี่ยวกับเห็ดด้วย  จากฟาร์มเห็ดไปไม่ไกล เราพบ วัดบางกอบัว ตั้งเด่นอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา แวะไหว้พระเพื่อความเป็นสิริมงคลแล้วจึงเดินทางต่อไปยัง ซ. เพชรหึงษ์ 57 เพื่อชม วิสาหกิจชุมชนชมรมหมากผู้หมากเมีย สถานที่เพาะพันธุ์ "เพชรน้ำค้าง" ซึ่งเป็นหมากผู้หมากเมียพันธุ์ดั้งเดิมของคุ้งบางกะเจ้า ที่สมาชิกชมรมฯ ส่งขายเป็นรายได้เลี้ยงครอบครัวและคนในชุมชนนี้
ท่องปอดใหญ่ใกล้กรุงใน ต. บางกะเจ้า
และแล้วเราก็ปั่นมาถึง ต. บางกะเจ้า ตำบลเหนือสุดของกระเพาะหมู เดินทางเข้าสู่ พิพิธภัณฑ์ปลากัดไทย ซึ่งรวบรวมพันธุ์ปลากัดและมีนิทรรศการให้ความรู้เกี่ยวกับชุมชนพระประแดงอย่างจุใจ ก่อนจะเดินทางต่อไปยัง สวนสาธารณะและสวนพฤกษชาติศรีนคร-เขื่อนขันธ์ สวนขนาดใหญ่ใจกลางตำบล  ทันทีที่ 2 ล้อและ 2 เท้าเข้าสู่เขตสวน เราก็เลิกกังขาในฉายาที่ใครๆ ตั้งให้สวนนี้ว่า "ปอดแห่งใหญ่ของกรุงเทพมหานคร" 
ด้วยพื้นที่กว้างใหญ่กว่า 148 ไร่นั้นดารดาษด้วยพันธุ์ไม้หลากหลายล้อมรอบสระใหญ่ใจกลางสวน  ภายในสวนมีทั้งศาลาให้ผู้มาเยือนนั่งพักผ่อนหย่อนใจ มีทั้งลานดูนก ลานอเนกประสงค์ และกิจกรรมหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นการขี่จักรยานชมสวน การให้อาหารปลา หรือเพียงแค่เดินเล่นชมธรรมชาติก็เพียงพอแล้วสำหรับการเก็บความประทับใจกลับไปบ้านใครบางคนกล่าวไว้ว่า เราต้องช่วยกันรักษาต้นไม้ เพราะต้นไม้เท่านั้นที่จะรักษาเรา คำพูดนี้อาจไม่พอเพียงสำหรับบางกะเจ้า เพราะที่นี่ "คน สัตว์ และต้นไม้ คือลมหายใจเดียวกัน"

ความรู้สึกใหม่ในจุดเริ่มต้น
ก่อนกลับเราแวะชมความงามของสะพานภูมิพล สะพานเชื่อม 2 ฝั่งของแม่น้ำเจ้าพระยา อันเป็นโครงการในพระราชดำริเพื่อแก้ปัญหาจราจรในย่านนี้  เรากลับมายังจุดเริ่มต้นด้วยความรู้สึกที่เปลี่ยนแปลงไป  ตลอดเส้นทางกว่า 20 กิโลเมตร เราได้เห็นความร่วมมือร่วมใจกันของคนในชุมชน เห็นวิถีธรรมชาติและวิถีวัฒนธรรมหลอมรวมกลายเป็นความงดงามลงตัวบนพื้นที่กระเพาะหมูแห่งนี้ขณะเฝ้าดูแสงสุดท้ายของวันลาลับขอบฟ้า ณ สะพานภูมิพล
ความคิดหนึ่งผุดพรายขึ้นอย่างแจ่มชัด - ความเข้มแข็งของชุมชนใดๆ ไม่จำเป็นต้องสร้างด้วยอิฐปูนหรือถนนหนทางชั้นดี แต่สร้างได้ด้วยรากอันแข็งแรงของต้นไม้และกิ่งก้านสาขาอันเหนียวแน่นของจิตใจซึ่งสอดประสานกันเป็นหนึ่งเดียว

**ที่เที่ยวหลายแห่งในคุ้งบางกะเจ้าไม่ได้เปิดให้เข้าชมทุกวัน ดังนั้นควรโทรศัพท์ติดต่อล่วงหน้า**
พิพิธภัณฑ์คลองลัดโพธิ์ เปิดวันศุกร์-เสาร์  คณะใหญ่ต้องติดต่อล่วงหน้า โทร. 0-2464-2057-8 พิพิธภัณฑ์มอญวัดคันลัด ติดต่อล่วงหน้า โทร. 08-7709-0304
สวนป่าทรงคนอง หมู่ 2 (สวนป่าเกดน้อมเกล้า) โทร. 08-6101-0704 ศูนย์บริการการท่องเที่ยวด้วยจักรยาน (บ้านลุงกุล) โทร. 0-2461-0560
สวนมะพร้าวน้ำหอมลุงพงษ์ศักดิ์ แถวเถื่อน ติดต่อล่วงหน้า โทร. 0-2461-0792 บ้านชายคลองริมน้ำ โทร. 08-7934-8134
สวนไม้ดอกไม้ประดับ สุพจน์ สำเภาเล็ก โทร. 08-9817-3728  สวนหมากแดงลุงกลม โทร. 0-2815-0373
ตลาดน้ำบางน้ำผึ้ง เปิดวันเสาร์-อาทิตย์ โทร. 0-2819-6762 บ้านธูปสมุนไพร ติดต่อล่วงหน้า โทร. 08-1801-3702
ผึ้งนางโฮมสเตย์ (พิพิธภัณฑ์ของเก่า) โทร. 0-2461-3810-1 Bangkok Tree House โทร. 08-2995-1150
ฟาร์มเห็ดช่างแดง โทร. 08-4317-7409 พิพิธภัณฑ์ปลากัดไทย ติดต่อล่วงหน้า โทร. 0-2815-0149
สวนสาธารณะและสวนพฤกษชาติศรีนครเขื่อนขันธ์  โทร. 0-2461-0972

ขอขอบคุณข้อมูลดีๆ จากนายรอบรู้ หัวใจสีเขียว จาก sanook.com

สนใจท่องเที่ยวไปกับน่านฟ้าเวิร์ลทัวร์ติดต่อได้ที่
E-mail: Nanfahtour@gmail.com
Tel: 087-084-2233
รวบรวม 10 สถานที่แปลกๆ สวยๆ ทั่วโลกมาไว้ที่นี่ที่เดียว
 
 
 
อยากเดินทางไปที่ไหนก็บอกกันมาได้นะคะ น่านฟ้าเวิร์ลทัวร์พร้อมให้บริการแก่ทุกๆท่านเสมอค่ะ ขอขอบคุณข้อมูลดีๆ จาก Sanook .com
 
 
สนใจท่องเที่ยวไปกับน่านฟ้าเวิร์ลทัวร์ติดต่อได้ที่
Tel: 087-084-2233
10 สถานที่ท่องเที่ยวหน้าฝน
 
ใครว่า….หน้าฝนต้องนั่งกร่อย ได้แค่มองแต่หน้าต่าง หากแต่ใต้ผืนฟ้าช่วงหน้าฝนมีเรื่องมหัศจรรย์ให้นักท่องเที่ยวได้ค้นหาอีกเยอะ
ใครจะรู้ว่าบ้างว่าหลังจากเม็ดฝนที่โปรยปรายจะเนรมิตเสน่ห์ความสดชื่น ของท้องฟ้า สายน้ำ ผืนป่า และพืชพรรณ ให้สวยงามได้ขนาดนี้ ฟ้าฝนไม่ใช่อุปสรรคสำคัญ สำหรับการก้าวเดินของเหล่าบรรดาผู้ที่หลงรักการท่องเที่ยว เพราะในทุกฤดูฝน ความงามที่แตกต่างของธรรมชาติจะปรากฎให้เห็นในมุมมองใหม่ที่สดชื่นกว่าเดิม สามารถเรียกพลังความสดใสกลับมา
image
เริ่มจากการเดินทางระยะไกลๆ กันที่ 1 จังหวัดนครศรีธรรมราช มีโปรแกรม “เที่ยวป่าและน้ำตกกรุงชิง” ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของอุทยานแห่งชาติเขาหลวง จ. นครศรีธรรมราช ที่ถือว่ามีความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติสูงมากเป็นป่าดิบชื้นที่แน่นทึบตั้งแต่ราบต่ำถึงเชิงเขา ทำให้ที่นี่นับเป็นแหล่งดูนกที่น่าสนใจที่สุดแห่งหนึ่งของภาคใต้ จนได้รับการขนานนามว่าเป็น “สวรรค์ของนกแดนใต้” ขณะที่น้ำตกกรุงชิงเอง ไม่น้อยหน้า เพราะมีความสูงถึง 7 ชั้น และความงามที่แตกต่างในแต่ละชั้นให้ได้ประหลาดใจ
image
ขึ้นมาภาคเหนือภูมิใจเสนอ 2 โปรแกรมเที่ยว ป่าเพชรบูรณ์ อุทยานแห่งชาติน้ำหนาว ซึ่งความแปลกตาของป่าผืนนี้คือ ป่าสน ที่อายุไม่ต่ำกว่า 100 ปี ทำให้ต้นสนที่นี่สูงลิบตา 30-40 เมตรตระหง่านเรียงรายตัดกับพื้นหญ้าเขียวขจีบนภูเขาเพชรบูรณ์ที่สลับซับซ้อน ผสมกับอากาศหนาวเย็นปกคลุมตลอดปี เย้ายวนให้นักท่องเที่ยวเร่งฝีเท้าเข้ารับความสดชื่นในป่าผืนนี้ซ้ำแล้วซ้ำอีก
image
ก่อนเดินทางไปที่ จุดหมายที่ 3 อำเภอเชียงดาวจังหวัดเชียงใหม่ มีอะไรมากกว่าที่คิด เพราะที่นี่ อุทยานแห่งชาติเชียงดาวและดอยผาแดง ซึ่งเป็นต้นน้ำของแม่น้ำปิงและแม่แตง มีความอุดมสมบูรณ์ของป่ามากแห่งหนึ่งของภาคเหนือ โดยมีทิวทัศน์ที่สวยงามบนยอดดอยเป็นเป้าหมายที่ท้าทายสำหรับภาระกิจการเดินทางเที่ยวป่าครั้งนี้
image
หากต้องการสถานที่สำหรับครอบครัว 4 อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ที่ครอบคลุม 4 จังหวัด คือ จังหวัดสระบุรี จังหวัดนครราชสีมา จังหวัดปราจีนบุรี และจังหวัดนครนายก ยังเป็นคำตอบที่ดีด้วย สมญานามแห่งการเป็นอุทยานมรดกของกลุ่มประเทศอาเซียน ทำให้ที่นี่แม้เป็นฤดูฝน แต่สภาพ่ก็ชุ่มฉ่ำ ป่าไม้ทุ่งหญ้าเขียวขจีสดสวย น้ำตกทุกแห่งไหลแรงส่งเสียงดังก้องป่า ให้ชีวิตชีวาแก่ผู้ไปเยือน
image
สถานที่แห่งที่ 5 ขอแนะนำ อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า ตั้งครอบคลุมพื้นที่รอยต่อของสองจังหวัด คือ อำเภอด่านซ้าย จังหวัดเลย และอำเภอนครไทย จังหวัดพิษณุโลก ซึ่งในหน้าฝนนั้นเส้นทางที่เดินไปยังจุดท่องเที่ยวต่างๆทั้งลานหินปุ่ม ผาชูธง หรือลานหินแตก ปรากฎความเขียวชะอุ่มของมอสสีเขียวสดตัดกับแนวพื้นหิน และทิวป่า 3 ประเภททั้ง ป่าเต็งรัง ป่าดิบเขา และป่าสนเขาที่ถ่ายทอดความสุนทรีย์ของวอลล์เปเปอร์ธรรมชาติได้ต่างกัน
image
ใครอยากได้ความเร้าใจกับกิจกรรมการท่องเที่ยวเชิงนิเวศ จุดหมายที่ 6 โปรแกรม ล่องแก่งลำน้ำเข็ก ที่จังหวัดพิษณุโลก การันตีได้ถึงความมันส์ เพราะความท้าทายในการล่องแก่งช่วงกลางของลำน้ำแห่งนี้ ถือว่ามีระดับความยากสูง ระดับ 5 ของการล่องแก่งอันดับต้น ๆ ของสายน้ำในประเทศไทย
image
หากยังต้องการเพิ่มดีกรีความตื่นเต้นจากกิจกรรมท่องเที่ยวเชิงผจญภัย แหล่งที่ 7 ขอแนะนำลำน้ำที่เชี่ยวกรากอีกที่อย่าง “แก่งหินเพิง” จังหวัดปราจีนบุรี ซึ่งกิจกรรมล่องแก่งจะเริ่มต้นขึ้นในทุกช่วงเดือนกรกฎาคมของทุกปี หรือช่วงหน้าน้ำที่จะช่วยเติมเต็มความสนุกสนามจากการล่องแก่งได้มากที่สุด ระยะทางการล่องแก่งที่นี่ยาว 2.5 กิโลเมตรและมีระดับความยากถึงระดับ 5 เช่นกัน
image
สถานที่แห่งที่ 8 เป็นการผสมผสานระหว่างความท้าทายเหนือสายน้ำ และทิวทัศน์บรรยากาศธรรมชาติที่ถูกสร้างสรรค์อย่างสวยงาม นั่นคือ วังตะไคร้ จังหวัดนครนายก ที่นี่นอกจาก น้ำตกจำลอง สวนไม้ดอกคุณท่าน และสระปทุมแล้ว ในฤดูฝนหลากการล่องแก่งห่วงยาง หรือแก่งแพยาง หรือจะเป็นกิจกรรมที่รอให้หลายๆคนฝ่าฝนออกมาค้นหา
image
2 สถานที่สุดท้ายในผืนแผ่นดินใกล้ๆกัน ที่จังหวัดตาก นักท่องเที่ยวสามารถ เริ่มต้นท่องเที่ยวจากแห่งที่ 9 เมืองอุ้มผาง ที่มีผืนป่าบริสุทธิ์ ไว้ให้ทอดน่องยลทัศนียภาพและอากาศบริสุทธิ์ของป่า หรือจะเลือกการนั่งช้างมองมุมสูง แวะสัมผัสกระแสน้ำตกสายที่กระเซ็นสดชื่น
image
หลังจากนั้นยังสามารถออกเดินทางออกจากอุ้มผสู่จุดหมายสุดท้ายที่ 10 ทีลอซู ด้วยการล่องแพ เมื่อใช้แพยางหรือไม้ไผ่ลัดเลาะสารพันแก่งสู้สายน้ำ ไปถึงน้ำตกทีลอซู ก็สุดจะคุ้มค่าแล้ว กับความงามของหนึ่งในน้ำตกที่ยิ่งใหญ่ด้วยความสูง 300 เมตร
สำหรับคนที่ตกลงปลงใจเก็บกระเป๋าย่ำเท้าเที่ยวหน้าในฝนนี้ คงต้องมองหาความปลอดภัยโดยการศึกษาข้อมูลสภาพฟ้าฝนและการเดินทางก่อนนะคะ เพราะบ่อยครั้งน้ำมากเกินไป หรือฝนตกหนักจนดินถล่มก็อาจเป็นอุปสรรคและอันตรายต่อการเดินทางได้
 
ขอขอบคุณข้อมูลดีๆ จาก TLCTHAI.com ค่ะ
 
สนใจท่องเที่ยวไปกับน่านฟ้าเวิร์ลทัวร์ติดต่อได้ที่
Tel: 087-084-2233

วันจันทร์ที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2556

การเก็บรักษาวิตามินให้อยู่ในสภาพที่เหมาะสม
 
 
ปกติ วิตามินหรืออาหารเสริมจะมีกำหนดวันผลิตและวันหมดอายุ ถ้าเกิดไม่มีวันหมดอายุบนฉลาก ให้ดูว่าผลิตภัณฑ์ที่เป็นของแข็ง เช่น ยาเม็ด แคปซูล หรือยาผง มีอายุไม่เกิน 5 ปี ส่วนผลิตภัณฑ์ที่เป็นของเหลว มีอายุ 2-3 ปี นับจากวันที่ผลิต หากเก็บในบรรจุภัณฑ์ดั้งเดิมที่ซื้อมา และเก็บในสภาวะที่กำหนด

(สำหรับผลิตภัณฑ์ที่เป็นของแข็ง )
ถ้าฉลากระบุให้เก็บในอุณหภูมิต่ำกว่า 30 องศาเซลเซียส ให้ปฏิบัติตามข้อแนะนำบนฉลาก จะไว้ในห้องแอร์ หรือในตู้เย็นก็ได้
แต่ถ้าใครคิดจะเก็บในตู้เย็น มีข้อแม้ว่า !!
- ถ้าเก็บไว้ในตู้เย็นแล้ว ไม่ควรนำออกจากตู้เย็น เพราะเมื่อเจออุณภูมิที่สูงกว่า ความเย็นจะแปรสภาพเป็นความชื้น ทำให้ยาเสื่อมคุณภาพ
- ควรใส่ซองกันชื้นไว้ในขวดยา


แต่หากไม่ได้ระบุ การเก็บรักษาวิตามิน อาหารเสริมมาให้ มีหลักการดังนี้
- เก็บให้พ้นแสง (Keep away from direct sunlight.) ยา วิตามิน และอาหารเสริม ปัจจุบันมักถูกบรรจุอยู่ในแผง หรือขวดที่ป้องกันแสงได้ ไม่ว่าจะเป็นแผง foil ทึบ ขวดพลาสติกทึบแสง หรือขวดสีชา แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ควรวางไว้ให้โดนแสงส่องโดยตรง ควรเก็บในตู้มีฝาทึบ เนื่องจากแสงสามารถเร่งปฏิกิริยาเคมี ก่อให้เกิดการเสื่อมของสารสำคัญได้

- เก็บในที่เย็นและแห้ง (Store in a cool and dry place.) ในประเทศไทยซึ่งเป็นเมืองร้อนชื้น ถ้าวางผลิตภัณฑ์ไว้ในตู้ธรรมดา แดดส่องไม่ถึง อุณหภูมิน่าจะราวๆ 25-32 องศาเซลเซียส ซึ่งก็ไม่สูงเกินไป ส่วนการเก็บผลิตภัณฑ์เหล่านี้ในตู้เย็นซึ่งโดยทั่วไปมีอุณหภูมิ 2-8 องศงเซลเซียส หากผลิตภัณฑ์เป็นของแข็ง ไม่น่ามีปัญหาเรื่องอุณหภูมิ แต่น่าเป็นห่วงเรื่องความชื้นในตู้เย็นที่จะแทรกซึมลงไปในผลิตภัณฑ์ ควรบรรจุในภาชนะที่ป้องกันอากาศและความชื้นได้ เมื่อใช้แล้วควรปิดฝาให้สนิททุกครั้ง ไม่ควรแบ่งบรรจุเอง และไม่ควรเก็บไว้ในสถานที่ที่มีความชื้นมาก ไม่ว่าจะเป็นในครัว หรือในห้องน้ำ ซึ่งมีความร้อนและความชื้นสูง ทุกครั้งที่เปิดฝา ความชื้นจะเข้าไปในขวด ทำให้เกิดการเสื่อมสลายของยา วิตามิน หรืออาหารเสริมได้เช่นกัน

การเสื่อมสลายของสารสำคัญในผลิตภัณฑ์วิตามิน และอาหารเสริม อาจมิได้ก่อให้เกิดอันตรายต่อผู้ใช้ แต่ทำให้ไม่ได้ผลในการกิน เรียกว่าเสียเงินไปแล้ว เอากลับบ้านมาเก็บรักษาไม่ถูกต้อง กินไป ก็เสียเงินเปล่าประโยชน์
เพิ่มเติม

- อย่าเก็บวิตามินในตู้ครัว เพราะครัวส่วนใหญ่จะอากาศร้อนหรือเจอความร้อนจากอุปกรณ์ครัว ท่องให้ขึ้นใจเพราะวิตามินไม่ชอบความร้อน หรือบรรดานักเดินทางอย่าเอาวิตามินใส่ในกระเป๋าเดินทางใหญ่แล้วเช็คขึ้นเครื่อง เพราะห้องที่เก็บกระเป๋าเดินทางอุณหภูมิสูงเกินไป
- อย่าใส่วิตามินต่างชนิดกันในกล่องเดียวกัน เช่น น้ำมันปลาที่มีความชื้นสูง เมื่อไปวางกับแคลเซี่ยมที่ไม่ต้องการความชื้น จะทำให้คุณค่าของทั้งสองออย่างลดลง
- สำหรับการเดินทางไกลไม่กี่วัน ใส่วิตามินชนิดใกล้เคียงกันได้ แต่ถ้าจำเป็นต้องมีทริปที่ยาวกว่าสองอาทิตย์ ควรใส่ทั้งขวดไปดีกว่า เพื่อคุณภาพที่ดี
- วิตามินหมดอายุ ต้องทิ้งทันที อย่าเสียดาย เพราะวิตามินที่หมดอายุอาจกลายเป็นพิษต่อร่างกายได้

สนใจท่องเที่ยวไปกันน่านฟ้าเวิร์ลทัวร์ติดต่อได้ที่
E-mail: Nanfahtour@gmail.com
Tel: 087-084-2233

วันอาทิตย์ที่ 21 เมษายน พ.ศ. 2556

9 วิธีท่องเที่ยวแบบประหยัด
 
 

หลังสงกรานต์อย่างนี้ใครๆก็ใช้เงินหมดไปกับการท่องเที่ยวช่วงเทศกาลใช่มั้ยคะ วันนี้เราจะเสนอการท่องเที่ยวแบบประหยัด ถ้าใครยังเที่ยวสงกรานต์ไม่จุใจละก้อไปดูกันค่ะ

1. ค่าเดินทาง
สายการบินต้นทุนต่ำยังคงได้รับนิยม บางครั้งค่าตั๋วถูกกว่านั่งรถไฟหรู โดยมีหลายสายการบินให้เลือกแล้วแต่เส้นทาง ทั้งนี้ต้องเข้าใจว่ามีหลายราคา จึงควรสอบถามให้มากที่สุด หากวางแผนไปช่วงฤดูท่องเที่ยว ต้องจองตั๋วล่วงหน้าอย่างน้อยหนึ่งเดือน วิธีดีที่สุดคือหาข้อมูลในอินเทอร์เน็ต ซึ่งมีทั้งการประมูลตั๋วและการเสนอขายราคาถูกทั้งจากสายการบินและเว็บข้อมูลการท่องเที่ยวต่างๆ
แน่นอนว่าอย่าลืมวิธีที่เราคุ้นเคย ชาติชาย ทางบรรจง (นามสมมุติ) ข้าราชการวัย 32 เข้าไปดูตั๋วเครื่องบินราคาพิเศษในเว็บไซต์หลายแห่งเมื่อวางแผนไปเที่ยวอุทยานแห่งชาติจิ่วจ้ายโกวในจีนช่วงต้นเดือนมีนาคมที่ผ่านมา หลังหาข้อมูลได้ราคาต่ำสุด เขานำตัวเลขดังกล่าวไปต่อรองกับบริษัทตัวแทนขายตั๋ว วิธีนี้ทำให้เขาซื้อตั๋วเครื่องบินได้ราคาถูกกว่าปกติหลายพันบาท ดังนั้น อย่าด่วนตัดสินใจจนกว่าจะหาข้อมูลอย่างครอบคลุม ทั้งแบบออนไลน์ และสอบถามจากตัวแทนจำหน่าย เพราะทุกวันนี้ตลาดเป็นของผู้ซื้อ จึงมีตัวเลือกมากมายให้ตัดสินใจ
หากคุณมีเวลามากพอและไม่เร่งรีบ การเดินทางด้วยรถไฟหรือรถโดยสารยิ่งช่วยประหยัดมากขึ้น แต่อย่าลืมจองตั๋วล่วงหน้า หากชอบขับรถเที่ยว ร่วมโดยสารรถคันเดียวไปกับครอบครัวหรือเพื่อนฝูง แล้วช่วยกันจ่ายค่าน้ำมัน
2. ที่พัก
บ่อยครั้งที่ค่าโรงแรมเป็นค่าใช้จ่ายมากที่สุดของการเดินทางท่องเที่ยว เหตุนี้ �บ้านเยาวชน� จึงเป็นทางเลือกที่ดี เพราะไม่ จำกัดแค่นักเรียนนักศึกษา ไม่ว่าคุณอยู่ในวัยไหน คุณมีสิทธิ์ใช้บริการที่พักราคาถูก แต่จะได้ราคาถูกเป็นพิเศษหากอายุต่ำกว่า 18 ปี ยิ่งกว่านั้น หากคุณเป็นสมาชิกสมาคมบ้านเยาวชนแห่งประเทศไทย (yha.org) สามารถใช้บริการสถานที่พักราคาประหยัดทั่วโลกมากกว่า 7,000 แห่ง Hotels.com และ hostelworld.com ยังเป็นอีกทางเลือกของนักเดินทางแบกเป้ เช่นเดียวกับ �เพลงดาบแม่น้ำร้อยสาย� นักเขียนนักเดินทางชื่อดัง ซึ่งให้ข้อมูลว่า �ตลอด 20 ปีของการแบกเป้เที่ยว ดิฉันใช้บริการบ้านพักเยาวชนมากถึงร้อยละ 95 ของการพักอาศัยในต่างประเทศทั้งหมด ทั้งนี้เพราะราคาถูกมาก ประหยัดกว่าพักโรงแรมหลายสิบเท่า�
นอกจากนี้ยังมีเว็บไซต์ของ GlobalFree Loaders, The Hospitality Club, SERVAS International, Stay4Free, BeWelcome และ CouchSurfing ที่เป็นตัวกลางให้คุณติดต่อขอพักอาศัยกับครอบครัวในท้องถิ่นโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย
วิธีการแสนง่าย เพียงกรอกรายละเอียดลงในเว็บไซต์เหล่านี้ จากนั้นรอเจ้าของบ้านติดต่อกลับ โอกาสจะมีมากขึ้นหากเสนอให้ ผู้อื่นพักอาศัยในบ้านคุณพร้อมความเอื้อเฟื้ออื่นๆ เช่น พาเที่ยวรอบเมือง ทั้งนี้คุณต้องเป็นคนเปิดกว้างยอมรับวัฒนธรรมอื่นๆอย่างเช่นอะเนส ซีเมนวาลา ผู้อำนวยการฝ่ายออกแบบจากมุมไบ เขาพักอาศัยกับเจ้าของบ้านชาวตุรกีในนครอิสตันบูลหลายคืน โดยเจ้าของบ้านวางใจเขาถึงขนาดให้ถือกุญแจบ้าน
�แต่การทำเช่นนี้ไม่ได้หมายถึงการประหยัดเงินเพียงอย่างเดียว ต้องรู้จักตอบแทนบ้าง� สุดารัตน์ หาญวรเกียรติ ซึ่งทำงานอิสระด้านจัดงานกิจกรรมนอกสถานที่สำหรับบริษัท วัย 45 เล่าประสบการณ์ตอนแบก เป้ตะลอนเที่ยวทางตอนเหนือของประเทศปากีสถานเล่าให้ฟังว่า �ตอนนั้น ดิฉันไปเที่ยวเมืองกุลมิทซึ่งเป็นเมืองชนบทล้อมรอบด้วยภูเขาอยู่ตอนกลางของคาราโครัมไฮเวย์ เจ้าของบ้านชวนกินอาหารและให้อยู่ด้วย ดิฉันเห็นว่าเป็นครอบครัวที่อบอุ่น ทุกคนอัธยาศัยดีจึงตอบตกลง ซึ่งเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องเพราะประหยัดค่าที่พักพอสมควร ตลอดเวลาที่อยู่ด้วย ดิฉันซาบซึ้งน้ำใจมากจึงรับปากจะส่งภาพถ่ายไปให้พวกเขา และยินดีต้อนรับพวกเขาดุจญาติมิตรหากมาเที่ยวเมืองไทย�
3. อยู่บ้านคนอื่น
หากสะดวกใจกับการให้ผู้อื่นพักอาศัยในบ้าน คุณอาจลงทะเบียนในโครงการแลกบ้านกันอยู่ที่เว็บไซต์ HomeExchange.com เพียงกรอกรายละเอียดเกี่ยวกับบ้านคุณและประเทศที่ต้องการไปเที่ยว นอกจากนี้ยังมี House Carers.com สำหรับผู้ต้องการคนดูแลบ้าน ซึ่งเป็นอีกทางเลือกสำหรับนักเดินทางที่อยู่ได้นานนับสัปดาห์หรือเป็นเดือน ผู้มาพักอาจต้องช่วยดูแลสัตว์เลี้ยง สวน และทำความสะอาดบ้าน บางครั้งอาจรวมถึงรับผิดชอบค่าน้ำ ค่าไฟ หรือค่าโทรศัพท์ด้วย
4. เที่ยวพร้อมทำงาน
นักเดินทางที่อายุน้อยและเป็นโสดอาจทำงานหาเงินเที่ยวรอบโลกด้วยการทำงานชั่วคราว สารพัดรูปแบบ ตั้งแต่พี่เลี้ยงเด็ก ครูสอนภาษาอังกฤษ หรือทำงานโรงแรม ทำงานในไร่หรือโรงงาน ยิ่งถ้าเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านคอมพิวเตอร์ คุณสามารถหางานชั่วคราวทำได้เกือบทั่วโลก เช่นเดียวกับ �นิ้วกลม� นักเขียนเจ้าของบันทึกการเดินทางยอดนิยมหลายเล่ม เล่าว่า �ผมเคยทำงานไปเที่ยวไปที่อังกฤษ โดยทำงานกับเจ้าของร้านอาหารไทยที่ออกร้านขายอาหารตามงานต่างๆ เช่น แข่งมอเตอร์ไซค์วิบาก งานเทศกาล และงานแสดงดนตรี ผมทำทุกอย่างตั้งแต่ยกของ ทำอาหาร ล้างจาน ได้ค่าแรงชั่วโมงละห้าปอนด์ทำอยู่สี่วัน ได้เงินนำไปใช้เที่ยวจนคุ้มเหนื่อย�
หากคุณเป็นคนไม่เลือกงาน การช่วยงานในไร่ก็เป็นทางเลือกที่น่าสนใจ เข้าไปดูที่ wwoof.org (World Wide Opportunities on Organic Farms) คุณจะได้ที่พักและอา หารฟรี แลกกับการทำงานวันละไม่กี่ชั่วโมง นอกจากนี้ คุณยังหางานอื่นๆที่เปิดโอกาสให้ทำงานและเที่ยวได้ที่เว็บ helpx.net และ workaway.info
5. เที่ยวนอกฤดูกาล
การเดินทางท่องเที่ยวนอกฤดูกาลเป็นอีกวิธีที่ประหยัดเงิน เช่น การไปเที่ยวทะเลช่วงฤดูฝนทำให้มีโอกาสเลือกที่พักราคาถูก ผู้เขียนเคยไปอินเดียตอนกลางเดือนเมษายนเพื่อเที่ยวเมืองอุทัยปุระในราชสถาน อุณหภูมิสูงถึง 40 องศา ทำให้ผู้เขียนกับเพื่อนได้พักโรงแรมราคาถูกกว่าที่แนะนำไว้ในหนังสือนำเที่ยว นอกจากนี้ยังแถมอาหารเช้าอีกด้วย ทั้งนี้เป็นเพราะอากาศร้อนมาก นักท่องเที่ยวลดลงจนโรงแรมว่าง
ช่วงนอกฤดูกาลท่องเที่ยว มีโรงแรมที่ พักจำนวนมากเสนอราคาที่พักและบริการเสริมต่างๆ ในราคาถูก เช่น ราคาห้องพักรวมการพาเที่ยวหนึ่งวัน การใช้ห้องออกกำลังและสปา อาหารเช้า และมื้ออื่นๆ กระ ทั่งการไปเที่ยวในประเทศช่วงวันธรรมดาก็เป็นอีกวิธีที่ประหยัดได้ ด้วยข้อเสนอที่พักในราคาพิเศษ
6. นอกเส้นทาง
สำหรับหลายคน การเดินทางท่องเที่ยวไม่จำเป็นต้องไปสถานที่ยอดนิยม แต่กลับมีความสุขกับสถานที่แปลกใหม่ วิธีนี้อาจไม่เหมาะกับทุกคนเพราะค่อนข้างลำบาก อาจต้องเผชิญกับเรื่องไม่คาดคิด และแน่นอนว่าต้องแก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้พอสมควร �ไม่ไกลจากจุดท่องเที่ยวยอดนิยมมักมีเพชรซ่อนอยู่ในตมซึ่งคุณสามารถพบได้ด้วยการเดินทางในแบบไม่เหมือนใคร� กัณฑ์ �คนแบกเป้� ผู้ก่อตั้งเว็บไซต์ �คนแบกเป้� (khonbaakpae.com) กล่าว �ผมเคยนั่งรถประจำทางจากอำเภอเชียงของไปถึงเต๋อชิงในจีนระยะทางนับพันกิโลเมตร ระหว่างทาง ผมมีโอกาสสัมผัสกับผู้คนต่างวัฒนธรรรมได้เห็นสถานที่แปลกตาและทิวทัศน์งดงาม สิ่งเหล่านี้ล้วนไม่อยู่ในกำหนด การท่องเที่ยวของบริษัททัวร์�
เช่นเดียวกับผู้เขียนที่เคยไปเที่ยวหิมาจัลประเทศในอินเดียช่วงสงกรานต์ แน่นอนว่าอากาศร้อนในช่วงนั้นทำให้เมืองตากอากาศอย่างซิมลาและมะนาลีเต็มไปด้วยคนอินเดียและชาวต่างชาติ ผู้เขียนจึงเลี่ยงไปทะเลสาบคาชิยาที่อยู่ไม่ไกล แต่สงบเงียบและมีทิวทัศน์งดงาม แม้การเดินทางไปกลับค่อนข้างลำบาก เพราะรถประจำทางมีน้อยและต้องอาศัยการโบกรถด้วย
แต่การ �เที่ยวเลือกได้� ไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับทุกคน บางครั้งคุณต้องยอมแลกกับความยากลำบากต่างๆ เช่น การจองตั๋วรถล่วงหน้าเป็นเวลานาน การค้างแรมในที่พักซึ่งไม่ได้มาตรฐาน และการรับมือกับปัญหาเฉพาะหน้าแบบต่างๆ
7. ผจญภัย
ด้วยเป้หลังหนึ่งใบ ถุงนอน และวิญญาณนักผจญภัย คุณสามารถเปิดโลกกว้างแห่งป่า ดงพงไพร และภูเขาลูกแล้วลูกเล่ากับเพื่อนๆคอเดียวกัน เพียงเข้าไปที่หัวเรื่อง �แบกเป้ไปส่องโลก� หรือ �ทริปหารเฉลี่ย� ใน khonbaakpae.com ที่มักมีผู้ตั้งกระทู้หาเพื่อนร่วมทางไปเดินป่าในเส้นทางยอดนิยมต่างๆ เช่น เส้นทางไปค่ายฐานเอเวอเรสต์ในเนปาลและน้ำตกในลาว
คนกลุ่มนี้ส่วนใหญ่เป็นชายหญิงวัยทำงาน นอกจากนี้ยังมีบ้างที่เป็นผู้ใหญ่ใกล้เกษียณ ผู้มีน้ำหนักเกิน และพนักงานบริษัทผู้ไม่เคยออกกำลัง พวกเขาไม่ยอมให้วัยหรือสภาพร่างกายเป็นอุปสรรคต่อการท่องเที่ยว พร้อมผจญภัยและเจอะเจอกับความงด งามตามธรรมชาติทุกรูปแบบ เช่น การเดินป่าข้ามภูเขาเป็นลูกๆตั้งแต่เช้าถึงเย็น การก่อกองไฟเพื่อหุงข้าวทำอาหาร และการผูกเปลนอนในป่าที่รกจนไม่มีที่ว่างกางเต็นท์
จตุรงค์ พิญพร นักวิทยาศาสตร์ด้านอาหาร วัย 30 เคยเดินป่านาทามในอุบลราชธานีกับเพื่อนโดยปราศจากเจ้าหน้าที่ป่าไม้นำทาง แน่นอนว่านอกจากความประทับใจในทิวทัศน์งดงามของหน้าผาริมฝั่งแม่น้ำโขง เขากับเพื่อนยังได้เรียนรู้การแก้ปัญหาและการผจญภัยต่างๆ เช่น การหลงทาง การก่อกองไฟ และการหาน้ำดื่ม หลายครั้งของการเดินป่าที่ปราศจากรอยทางเดิน ทำให้ต้องเดินไปหยุดไปเพื่อตรวจสอบความถูกต้อง การเจอจุดเที่ยวชมแต่ละครั้งมีความหมายเป็นอย่างยิ่ง เพราะแสดงว่าพวกเขาไม่หลงป่า หลังใช้เวลาสามวันสองคืนกับความประ ทับใจไม่รู้ลืม แม้รู้ดีว่าเงินไม่อาจซื้อประสบ การณ์แบบนี้ได้ แต่จตุรงค์กับเพื่อนลองคำนวณดูแล้วพบว่าพวกเขาใช้เงินไปไม่ถึงครึ่งของค่าที่พักในโรงแรมหรู
8. ข้อเสนอพิเศษและของฟรี
เวลาไปเที่ยวต่างแดน ผู้เขียนเดินตั้งแต่เช้าจรดเย็นซึ่งเป็นทั้งการเที่ยวและหาข้อมูลเกี่ยวกับผู้คน ร้านค้า ร้านอาหาร และสถานที่ต่างๆ นอกจากได้เปิดหูเปิดตาเปลี่ยน บรรยากาศ ยังทำให้เลือกกินเลือกใช้ได้ของถูกอย่างเต็มที่ เช่น การกินเนื้อย่างข้างทางในตุรกี การซื้อหนังสือมือสองในออสเตรเลีย กระทั่งการเติมกระเพาะด้วยอา หารและเครื่องดื่มต่างๆที่ให้ชิมฟรีในห้างสรรพสินค้าที่คุนหมิงและเฉินตู
ซื้อหนังสือพิมพ์หรือนิตยสารท้องถิ่นซึ่งลงข่าวหรือโฆษณาสิ่งที่น่าสนใจ เช่น ตั๋วชม การแสดงราคาถูก คูปองส่วนลด เทศกาลอาหารที่ให้คนทั่วไปกินฟรี การขายของเพื่อการกุศล ตลาดขายของมือสอง และการนำเที่ยวชมฟรี เป็นต้น ผู้เขียนมีโอกาสชม การแสดงแสงสีเสียงในเมืองอัสวานตอนไปประเทศอียิปต์โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย เพราะเป็นงานเปิดตัวโบราณสถานที่เพิ่งค้นพบซึ่งรู้ข่าวกันเฉพาะชาวอัสวาน
9. เที่ยวใกล้บ้าน
หากการเที่ยวต่างประเทศฟุ่มเฟือยเกินไป การเที่ยวในประเทศก็น่าสนใจไม่น้อย เพียงสมมุติว่าตนเองเป็นนักเดินทางข้ามแดนตามรอยนักเดินทางคนก่อนผู้สำรวจแหล่งท่องเที่ยวใหม่ๆไว้ เช่น สถานที่อันเป็นสัญลักษณ์ของเมือง ห้องแสดงงานศิลปะ สถาบันต่างๆที่คุณไม่เคยเข้าชม เป็นต้น
จินตนา พัวพิมลรัตน์ พนักงานบริษัท วัย 34 เล่าวิธีเที่ยวในกรุงเทพฯบ้านเกิดว่า �ดิฉันกับเพื่อนๆที่เป็นคนกรุงเทพฯด้วยกันรวมกลุ่มเกือบทุกวันเสาร์-อาทิตย์ เพื่อเที่ยวชมสถานที่ต่างๆในเมืองหลวง เช่น ชมบ้านพิพิธภัณฑ์ที่แสดงวิถีชีวิตคนไทยเมื่อ 40-100 ปีที่ผ่านมา ชมศูนย์ประติมากรรมกรุงเทพฯ ที่รวมงานศิลปะงดงามมากมาย ล่องเรือชม สวนเกษตรชานกรุงที่คลองมหาสวัสดิ์ แม้ แต่พิพิธภัณฑ์เรือนคำเที่ยงของสยามสมาคม ทุกครั้งที่ไปเที่ยว คนนำทางเจ้าของพื้นที่ทำ ให้พวกเราสนุกสนานผ่อนคลายกับความรู้ใหม่ๆที่ได้รับ�
นอกจากนี้ bangkoktourist.com หรือ bangkoktourist.bma.go.th ยังให้ข้อมูลเรื่อง �100 มุมมองใหม่กรุงเทพฯ� แนะนำสถานที่ท่องเที่ยวใหม่ๆในเมืองหลวงที่คุณอาจไม่เคยสัมผัส องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) ยังจัดท่องเที่ยวจังหวัดใกล้เคียงกรุงเทพฯในวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ด้วยรถโดยสารปรับอากาศพิเศษยูโรทูกำหนดการ น่าสนใจ ได้แก่ ไหว้พระเก้าวัดที่อยุธยา สวนสัตว์เปิดเขาเขียว ตลาดน้ำดำเนินสะดวก (โทรฯ 184 และ bmta.co.th) ลองเที่ยวในบ้านเกิดเมืองนอนของคุณ ใครจะรู้ คุณอาจสนุกสนานเพลิดเพลินกว่าที่คิด

ขอขอบคุณข้อมูลดีๆจาก readersdigestthailand.co.th ค่ะ

สนใจท่องเที่ยวไปกับน่านฟ้าเวิร์ลทัวร์ติดต่อได้ที่
E-mail: Nanfahtour@gmail.com
Tel: 087-084-2233

วันพฤหัสบดีที่ 11 เมษายน พ.ศ. 2556

โทรศัพท์มือถือเปียกน้ำทำไงดี


เทศกาลสงกรานต์อย่างนี้ เวลาออกจากบ้านขอให้เพื่อนอย่าลืมเอาถุงพลาสติกแบบที่ใส่แกง หรือ พลาสติกแร็ปอาหารแบบเป็นฟิล์มใสมาห่อหุ้มโทรศัพท์ไว้ด้วยนะคะ แต่ถ้าสุดวิสัยจริงๆ โดนสาดแบบเต็มๆ วันนี้เรามีข้อมูลดีๆมาฝากค่ะ (เผื่อจะพอช่วยได้นะคะ)

1. หลังจากเอาเครื่องขึ้นจากน้ำแล้ว ห้าม!กด power เปิดเครื่องเด็ดขาดนะคะ เพราะถ้าเปิดจะเกิดการลัดวงจรขนานใหญ่ ให้รีบถอดแบตเตอรี่ออกให้ด่วนที่สุด
2. หาผ้าเช็ดก่อนเลยค่ะ ให้เช็ดด้านนอกให้แห้งและเช็ดแบตด้วยนะคะ ทีนี้เมื่อเช็ดเสร็จให้เราเริ่มสำรวจว่าน้ำเข้าส่วนไหนบ้าง
3. หาถุงพลาสติกใส่เครื่อง(โทรศัพท์มือถือ)ไว้นะ จากนั้นให้มัดหนังยางปิดถุงไว้ ไม่ต้องสลัดเครื่องนะ ช่วงนี้ไม่ต้องทำให้เครื่องแห้ง รีบกลับบ้านก่อนเลย
 
4. จำไว้ว่า ห้าม!ใช้ไดร์เป่าผมเป่าให้แห้งเด็ดขาด อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ทั้งหลาย เกลียดและกลัวความร้อนที่สุดค่ะ
 
5. ถึงบ้านแล้ว หาถุงผ้าหรือผ้าบางๆ ห่อเครื่องไว้ค่ะ อย่าลืมเปิดฝาหลังที่ครอบแบตเตอรี่ด้วยนะ หลังจากห่อดีแล้ว ให้มัดหนังยางแล้ว เอาไปฝังไว้ในถังข้าวสารค่ะ ทิ้งไว้ประมาณ 1วัน รอดูผล ใจเย็นๆ นะคะ ข้าวสารจะดูดความชื้นออกมาหมด ถ้าจะให้แน่ใจทิ้งไว้ซัก 2 วันก็ได้
6. หลังจาก 1-2 วัน ก็เอาออกจากถังข้าวสาร ทีนี้ก็ลองนำแบตมาใส่ดูนะ ร้อยละ 90 โทรศัพท์มือถือก็น่าจะใช้ได้เหมือนเดิมนะคร๊าาา
ขอขอบคุณข้อมูลดีๆ จาก irpct.ac.th

สนใจท่องเที่ยวไปกับน่านฟ้าเวิร์ลทัวร์ติดต่อได้ที่
E-mail: Nanfahtour@gmail.com
Tel: 087-084-2233

วันพุธที่ 10 เมษายน พ.ศ. 2556

15 สถานที่เล่นน้ำสงกรานต์สุดฮ็อต



ถ้าพูดถึงสถานที่สุดฮอตของวัยรุ่นในวันสงกรานต์ จะหนีไม่พ้น “ถนนข้าวสารสุดยอดแหล่งท่องเที่ยวฮิตในการเล่นน้ำวันสงกรานต์งานนี้ทำให้หลาย ๆ จังหวัดเกิดไอเดียบรรเจิด ผุดชื่อ “ถนนสารพัดข้าว” ขึ้นมาเฉพาะกิจ สำหรับเทศกาลสงกรานต์เท่านั้น เพื่อประชันความมันส์กับ “ถนนข้าวสารและเพื่อเอาใจวัยรุ่นหัวใจ อินเทรนด์ทั้งหลาย โดยส่วนใหญ่ถนนสารพัดข้าวมักตั้งชื่อตามของดีของเด่นของจังหวัดตัวเอง วันนี้จะรวบรวมข้อมูลถนนที่ขึ้นต้นด้วยคำว่า ข้าว ซึ่งเป็นแหล่งสุดฮิต ในการเล่นน้ำสงกรานต์มาฝากกันค่ะ
1.ถนนข้าวสาร กรุงเทพมหานคร
เริ่มที่ ถนนข้าวสาร กันก่อน เพราะเป็นถนนเดียวที่เป็นชื่อถนนจริง ๆ อีกทั้งยังเป็นถนนที่ได้รับความนิยมในการเล่นน้ำในวันสงกรานต์มากที่สุดใน ประเทศก็ว่าไทย ทุก ๆ วันสงกรานต์จะคราคร่ำไปด้วยนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติจากทั่วทุก มุมโลก แวะเวียนมาเล่นน้ำวันสงกรานต์ให้คลายร้อน ซึ่งการเล่นสงกรานต์บน ถนนข้าวสาร เริ่มเมื่อประมาณ พ.ศ. 2533 เหตุเพราะบน ถนนข้าวสาร มีเกสต์เฮ้าส์จำนวนมาก และนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติมักเดินทางมาพักกายพักใจที่นี่ ดังนั้น ประเพณีการเล่นน้ำสงกรานต์จึงเกิดขึ้น เพื่อแสดงถึงประเพณีปีใหม่ไทยให้ออกสู่สายตาชาวโลก ซึ่งแต่เดิมการเล่นสงกรานต์ ถนนข้าวสาร ในช่วงแรก ๆ ก็เป็นแค่เล่นสาดน้ำกันธรรมดาเท่านั้น ต่อมาได้รับความสนใจจากผู้คนมาก ทำให้ตามห้างร้านและเกสต์เฮ้าท์ที่ตั้งอยู่บริเวณรอบ ๆ รวมตัวกันจัดกิจกรรมต่าง ๆ ขึ้น ทำให้ ถนนข้าวสาร กลายเป็นที่สถานที่สุดออตอีกแห่งหนึ่งในวันสงกรานต์
2.ถนนข้าวยำ จังหวัดปัตตานี
ถนนข้าวยำ หรือชื่อทางการว่า ถนนมะกรูด จังหวัดปัตตานี ซึ่งถนนสายนี้เดิมทีเป็นตลาดสด มีประชาชนมาจับจ่ายซื้อของ แต่ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ มักมีประชาชนขับรถหรือตั้งป้อมเล่นน้ำกันบนถนนสายนี้ จนเป็นที่มาของ ถนนข้าวย้ำ เพื่อให้คล้ายคลึงกับ ถนนข้าวสาร อีกทั้ง ข้าวยำ เป็นของดีปัตตานีอีกด้วย
3.ถนนข้าวหลาม จังหวัดชลบุรี
ถนนข้าวหลาม หรือที่ชาวชลบุรีรู้จักกันในนาม หนองมน (จริง ๆ แล้ว ถนนข้าวหลาม มีชื่ออยู่จริง แต่ตั้งอยู่ในเขตสัมพันธ์วงศ์ จังหวัดกรุงเทพมหานคร) ทุกปีทางเทศบาลหนองมนจะจัดงานวันสงกรานต์ มีกิจกรรมต่าง ๆ มากมาย อีกทั้งยังมีผู้คนเดินทางแวะเวียนมาเล่นน้ำสงกรานต์กันอย่างเนืองแน่น จึงทำให้เรียกกันติดปากว่า “ถนนข้าวหลาม” เพราะเป็นสินค้าขึ้นชื่อของ หนองมน
4.ถนนข้าวสุก จังหวัดอ่างทอง
จังหวัดอ่างทองมีที่เล่นสงกรานต์ที่ขึ้นชื่ออยู่ที่หนึ่งคือบริเวณ ถนนสายวิเศษ-บางจัก โดยจะมีประชาชนในท้องที่และใกล้เคียงจะมาสาดน้ำเล่นสงกรานต์กันนับเป็นพันคน ซึ่งประชาชนที่มาเล่นจะเรียกว่าถนนนี้ว่า ถนนข้าวสุก
5.ถนนข้าวเหนียว จังหวัดขอนแก่น
ถนนข้าวเหนียว เป็นชื่อเรียกในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ซึ่งจริง ๆ แล้ว ถนนข้าวเหนียว ก็คือ ถนนศรีจันทร์ โดย ถนนข้าวเหนียว จะเริ่มตั้งแต่บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยไปถึงจนแยกถนนศรีจันทร์ ตัดกับถนนหน้าเมือง ซึ่งเรียกได้ว่า ถนนข้าวเหนียว มีบรรยากาศคล้ายคลึงกับ ถนนข้าวสาร เป็นอย่างมาก บริษัทห้างร้านหลายแห่งได้จัดตั้งเวทีคอนเสิร์ต และจัดกิจกรรมที่หลากหลายเพื่อเสริมสร้างบรรยากาศการเล่นน้ำให้มีสีสันต้อน รับวันสงกรานต์
6.ถนนข้าวปุ้น จังหวัดนครพนม
ถนนข้าวปุ้น แต่เดิมชื่อ ถนนเลาะริมโขง ตั้งอยู่ในเขตเทศบาลเมืองนครพนม เป็นอีกถนนหนึ่งที่ผู้คนเดินทางแวะเวียนมาเที่ยวเล่น หรือสาดน้ำสงกรานต์ ซึ่ง ถนนข้าวปุ้น มีมาตั้งแต่ปี 2548 และเหตุที่ใช้ชื่อ ถนนข้าวปุ้น เนื่องจากจังหวัดนครพนมขึ้นชื่อเรื่องขนมจีน และมีน้ำยาหลากหลายสูตร จึงตั้งชื่อถนนให้ตรงตามของขึ้นชื่อ
7.ถนนข้าวหอมมะลิ จังหวัดร้อยเอ็ด
ถนนข้าวหอมมะลิ หรือ ถนนเพลินจิต ตั้งอยู่บริเวณสวนสมเด็จพระศรีนครินทร์ กลางเมืองร้อยเอ็ด เริ่มตั้งชื่อเมื่อปีที่แล้ว 2549 โดย ถนนข้าวหอมมะล จะจัดกิจกรรมเทศกาลสงกรานต์ที่เน้นไปทางด้านการเรื่องส่งเสริมประเพณี วัฒนธรรมท้องถิ่น สำหรับเหตุผลที่ตั้งชื่อว่า ถนนข้าวหอมมะลิ เนื่องจากจังหวัดร้อยเอ็ดมีพันธุ์ข้าวหอมมะลิที่ขึ้นชื่อ
8.ถนนข้าวเปียก จังหวัดอุดรธานี
ถนนข้าวเปียก คือบริเวณ ถนนเทศาภิบาล หน้าหน่วยบรรเทาสาธารณภัย ซึ่งเทศบาลนครอุดรธานีจัดงานเทศกาลสงกรานต์ขึ้น โดยมีประชาชนนิยมเดินทางมาเล่นสาดน้ำ รวมถึงลงน้ำที่หนองประจักษ์ และร่วมสืบสานประเพณีสงกรานต์
9.ถนนข้าวกล่ำ จังหวัดกาฬสินธุ์
ถนนข้าวกล่ำ หรือ ถนนอนรรฆนาค ในเขตเทศบางเมืองกาฬสินธุ์ ตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 14 เมษายน พ.ศ.2550 ใช้เป็นที่จัดกิจกรรมสงกรานต์
10.ถนนข้าวแช่ จังหวัดปทุมธานี
ถนนเทศปทุม หรือ ถนนข้าวแช่ อยู่บริเวณหน้าศาลากลาง จังหวัดปทุมธานี (หลังเก่า) โดยเหตุที่ตั้งชื่อว่า ถนนข้าวแช่ เนื่องจากจังหวัดปทุมธานีเป็นเมืองที่มีชาวมอญอพยพมาอยู่เป็นจำนวนมาก ซึ่ง ข้าวแช่ ถือเป็นของดีของเด่นของชาวมอญ จึงนำมาตั้งเป็นที่ชื่อ ถนนข้าวแช่ และมีกิจกรรมทั้งการสรงน้ำพระ การเล่นน้ำตามประเพณี
11.ถนนข้าวทิพย์ จังหวัดจันทบุรี
ถนนข้าวทิพย์ หรือที่ชาวจันทบุรีรู้จักในชื่อ ถนนท่าแฉลบ ตั้งอยู่บริเวณถนนหน้าวัดใหม่ จนถึงสามแยกทุ่งนาเชย แต่ละปีจะมีประชาชนหลั่งไหลมาเล่นสงกรานต์กันเป็นจำนวนมาก และที่ตั้งชื่อว่า ถนนข้าวทิพย์ เพราะวัดใหม่ อำเภอเมืองจันทบุรี เป็นวัดที่มีพิธีกวนข้าวทิพย์เป็นประจำทุกปี จะทำในวันพิธีเปิดงานประเพณีวัดสงกรานต์ของจังหวัด จึงตั้งชื่อถนนตามพิธีกวนข้าวทิพย์
12.ถนนข้าวแต๋น จังหวัดน่าน
ถนนข้าวแต๋น หรือ ถนนสุมนเทวราช โดยเทศบาลเมืองน่านนำร่องจัด ถนนวัฒนธรรมปี๋ใหม่ เมืองบริเวณถนนสุมนเทวราช เป็นปีแรกระยะทางประมาณ 500 เมตร เป็นถนนปลอดเหล้าเบียร์ ซึ่งเทศบาลสนับสนุนการจัดซุ้ม ถังน้ำ พร้อมให้รถน้ำออกมาเติมให้ตลอดเวลาทั้งวัน โดยมีประชาชนและนักท่องเที่ยวออกมาเล่นน้ำสงกรานต์กันเป็นจำนวนมาก ส่งผลให้การจราจรบนถนนหลายสายรถติดกันยาวตลอดสาย
13.ถนนข้าวเม่า จังหวัดมหาสารคาม
ถนนข้าวเม่า จังหวัดมหาสารคาม จัดขึ้นที่บริเวณถนนถนนผดุงวิถี บริเวณสี่แยกหอนาฬิกาถึงสี่แยกศูนย์โอทอป เทศบาลเมืองมหาสารคามได้จัดซุ้มเล่นน้ำที่ ได้เตรียมสำรองน้ำไว้ให้เล่นสงกรานต์กันอย่างเต็มที่ตลอดการจัดงาน
14.ถนนข้าวฮาง จังหวัดหนองบัวลำพู
จัดขึ้น ที่ บริเวณสนามนเรศวร ริมหนองบัว ความยาวประมาณ 800 เมตร เพื่อร่วมสืบสานประเพณีศิลป วัฒนธรรมของชาวอีสานในเทศกาลสงกรานต์
15.ถนนข้าวลอดช่อง จังหวัดยโสธร
ถนนนี้ก็คือ ถนนรัตนเขต อยู่ใจกลางเมือง ยโสธร ความยาวประมาณ 1 กิโลเมตร ตั้งอยู่ด้านหลังสำนักงานเทศบาลเมืองยโสธร เพื่อเปิดเป็นถนนให้ประชาชนที่ผ่านไปมาได้ร่วมเล่นน้ำช่วงเทศกาลสงกรานต์ โดยทางเทศบาลเมืองยโสธร ได้น้ำเต็นท์ ต่อท่อน้ำประปาสะอาดมาให้ประชาชนได้เล่นกันอย่างเต็มที่
ขอขอบคุณข้อมูลดีๆ จาก M thai ค่ะ

สนใจท่องเที่ยวไปกับน่านฟ้าเวิร์ลทัวร์ติดต่อได้ที่
E-Mail: Nanfahtour@gmail.com
Tel: 087-084-2233

วันอังคารที่ 9 เมษายน พ.ศ. 2556

10 วิธีเล่นสงกรานต์แบบฉบับปลอดภัยวัยรุ่น (วัยไม่รุ่นก็ควรรู้นะจ๊ะ)



นับถอยหลัง ก้าวสู่ปีใหม่ไทยอย่างสงกรานต์ ฃเทศกาลที่คนไทยและทั่วโลกรอคอยที่จะได้เล่นสาดน้ำกัน เล่นน้ำกันดีๆ ก็มีเยอะ แต่ทุกปีก็ต้องมีเหตุการณ์ที่ทำให้ต้องเจ็บเนื้อเจ็บตัว เกิดอุบัติเหตุบ้าง งั้นก่อนที่จะเกิดเรามาดู 10 วิธีเล่นน้ำแบบปลอดภัยกันดีกว่า ^^
อย่างแรกในวันสงกรานต์ ขึ้นปีใหม่ไทยแบบนี้ หนุ่มสาวควรจะไหว้พ่อแม่ รดน้ำดำหัวผู้ใหญ่กันก่อนะจ๊ะ เชื่อสิแล้วสิ่งดีๆจะเข้ามาในชีวิต หรือไปกราบไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ก็ได้นะ ^^
1. การแต่งกาย
แน่นอนแหละ ทุกปีๆหนุ่มๆสาวๆจะเล่นน้ำแต่ละปีก็ต้องใส่เสื้อผ้ามันเห็นเนื้อหนังกัน แล้วยิ่งสมัยนี้ยิ่งใส่ชิ้นเล็กชิ้นน้อยกันเหลือเกิน ถ้าอยากจะดึงดูดเพศตรงข้าม เราแนะนำแค่รอยยิ้มน่ารักๆ เป็นมิตร แค่นี้ก็มัดใจแล้วนะจ๊ะ ไม่ต้องใส่ว๊าบหวามมากก็ได้ คนมีแฟนเดี๋ยวแฟนก็หึงตายกันพอดี ควรใส่ตามกาละเทศะดูว่าอะไรเหมาะสมไม่เหมาะสมกันด้วยนะอีกอย่างป้องกันตัวเองจากอันตรายหลายๆอย่างด้วยนะ เกิดกลับบ้านคนเดียวโดนทำมิดีมิร้ายไปละ เป็นเรื่อง!!
2. ของมีค่า
หนุ่มสาวจะออกไปเล่นน้ำทั้งที เอาของมีค่าเก็บไว้ที่บ้านจะดีซะกว่านะจ๊ะ แต่ถ้าอยากจะเอาของรักขาดไม่ได้อย่างโทรศัพท์มือถือไปละก็ ควรจะหาซองกันน้ำดีๆใส่ให้มิดชิดนะ เดี๋ยวน้ำเข้า พังไปไม่คุ้มค่าซ่อมนะจ๊ะ ขอบอก (ถ้าบ้านใครมีสตังค์ซื้อใหม่ได้ก็ตามแต่ละกันจ๊ะ ^^)
3. เล่นน้ำปลอดภัย
ออกไปเล่นน้ำทั้งที อยากจะสาดสาวสวยๆ หนุ่มหล่อ ก็เลือกอุปกรณ์เล่นน้ำที่เหมาะสมด้วยนะจ๊ะ เอาอันที่คิดว่าพอดี ไม่ใหญ่เกินไป เดี๋ยวฉีดเข้าตามาเป็นเรื่องอีกอะ!!
4. ปะแป้งหรือแต๊ะอั๋ง
หนุ่มสาวบางคนรอเทศกาลนี้โดยเฉพาะเลยหล่ะสิ! ถือโอกาสเล่นน้ำ ปะแป้ง แต๊ะอั๋งสาวขาวๆ สวยๆ เล่นก็เล่นให้มีมารยาทหน่อยซิคุณ บางคนเขาก็ไม่ชอบหรอก เขาก็อยากจะมาเล่นน้ำสนุกๆแต่ต้องมาเจอโดนแต๊ะอั๋งอีก อีกอย่างแป้งเย็น , ดินสอพองมีสีเนี่ย No!! นะจ๊ะ สมัยนี้เขาสาดน้ำให้ชุ่มฉ้ำก็พอแล้ว
5.แว่นตาช่วยชีวิต
ส่วนคนที่หลีกเลี่ยงการเล่นแป้งไม่ได้ละก็ ก่อนออกจากบ้านลองหาแว่นตาใหญ่ๆสักอันเอาไว้กันคนที่มาปะแป้งเรา บางคนปะที อือฮือ!! เอาซะทั้งหน้ามองไม่เห็นทางเลย หรืออีกวิธีคือผ้าขนหนูปะกันไปเช็ดออกกันไปนะ
6. ไปกันเป็นฝูง
เล่นน้ำสงกรานต์แบบนี้ ไปคนเดียวมันจะไปสนุกอะไรหละ ออกเล่นน้ำทั้งทีชวนเพื่อนๆไปกันเยอะๆได้ทั้งความสนุกแล้วก็ปลอดภัยกว่าไปน้อยๆนะจ๊ะ ^^
7. ไม่เรื้อน ไม่เป็นนางลำยอง
สงกรานต์จะเล่นน้ำให้มันส์ทั้งทีเดี๋ยวนี้วัยรุ่นกินของมึนเมากันมากมาย เดินไปตามทางทุกร้านเลยแหละขายเบียร์กันเป็นแถบ! กินแค่พอกึ่มๆยังพอทนไหว แต่ถ้าเล่นกินแล้วเล่นไม่รู้เรื่อง หาเรื่องชาวบ้านเขา แบบนี้ไม่สนุกนะจ๊ะ จะเล่นน้ำให้สนุกไม่จำเป็นต้องกินให้เมาก็ได้ ไปกับเพื่อนเยอะๆก็โอเคแล้ว เป็นห่วงอะ
8. เมาไม่ขับ
ส่วนน้อยแหละเนอะที่จะขับรถไปจอดตามที่เล่นน้ำสงรานต์กัน แต่ถ้าคนไหนเล่นน้ำ เมาอีก แนะนำไม่ควรขับรถนะจ๊ะ เล่นน้ำสนุกทั้งทีอย่าให้มีอุบัติเหตุเกิดขึ้นเลย แนะนำให้เพื่อนที่มีสติ ไม่เมาขับแทน หรอืไม่ก็จอดไว้ที่บ้าน นั่งรถตุ๊กๆ กระบะ แท็กซี่จะดีซะกว่า
9. กลับดึกแบบปลอดภัย
เล่นน้ำสงกรานต์บางกลุ่มเล่นกันตั้งแต่เช้า กลับเย็นก็ไม่ค่อยน่าเป็นห่วง แต่พวกที่ออกกลางคืนเที่ยวผับ บาร์แล้วกลับดึกๆหรือเช้าเนี่ย ควรระวังด้วยนะจ๊ะ ทางที่ดีถ้าเป็นผู้หญิงควรให้เพื่อนหลายๆคนไปส่งที่บ้านจะปลอดภัยที่สุด ส่วนหนุ่มๆกลับบ้านกดูดีๆ เดี๋ยวนี้อันตรายมันไม่เลือกเพศนะ
10. แบบนี้ไม่เอา!! รูดเสาหลังกระบะ
สงกรานต์เป็นประเพณีเก่าแก่ของไทยที่มีมานาน แต่สังคมสมัยนี้มันเริ่มจะแย่ลงกันแล้ว เพราะเล่นน้ำแต่ละปีก็ยิ่งมีผู้หญิงที่นุ่มน้อยห่มน้อยมาเต้นหวาบหวาม สยิวกิ้วให้เห็นกัน บางคนถึงกับถอดให้เห็นเนื้อหนัง บางคนเมาแล้วทำอะไรโดยไม่คิด แบบนี้ก็ไม่ไหว รู้รึเปล่าทำแบบนี้ไม่ได้ดูดีเลยนะ! ถึงจะทำเพื่อความสนุกก็ตามเถอะ ไม่โอนะจ๊ะ ไม่สับสนุน!!!!
สงกรานต์ปีนี้ขอให้ทุกคนมีความสุข มีแต่สิ่งดีๆเข้ามาในชีวิต สุขภาพแข็งแรงกันนะคะ อ่าo 10 วิธีนี้แล้วรับรองถ้าทำได้ สงกรานต์นี้เพื่อนๆทุกคนจะเล่นน้ำกันอย่างมีความสุข ^^
ขอขอบคุณข้อมูลดีๆ จาก unigang.com ค่ะ
 
สนในท่องเที่ยวไปกับน่านฟ้าเวิร์ลทัวร์ติดต่อได้ที่
Tel: 087-084-2233

วันจันทร์ที่ 8 เมษายน พ.ศ. 2556

ปฎิบัติตัวให้ถูกต้องเมื่อโดยสารเรือ

ร้อนๆ อย่างนี้เพื่อนๆ หลายคนคงวางแผนออกเดินทางไปเที่ยวทะเลกันให้ชุ่มฉ่ำ และหลายๆ คนคงจะนึกถึงบรรยากาศเงียบสงบบนเกาะอันงดงามน้ำใสๆ แต่สิ่งหนึ่งที่เราจะแนะนำให้เพื่อนระวังกันในวันนี้ก็คือ การโดยสารเรืออย่างปลอดภัยค่ะ ทำให้การท่องเที่ยวเต็มไปด้วยความสุข และปลอดภัยค่ะ



1. ก่อนออกเดินทาง
1.1 ถ้าเป็นการเดินทางทางทะเล ควรรับฟังคำพยากรณ์อากาศ
ของกรมอุตุนิยมวิทยา ซึ่งออกอากาศทางวิทยุกระจายเสียงทุกวันเป็นประจำ
หากมีคำเตือนเรื่องพายุและคลื่นลมแรงควรงดการเดินทางเสีย

1.2 ถ้าว่ายน้ำไม่เป็นควรหลีกเลี่ยงการเดินทางน้ำตามลำพัง ให้มีเพื่อนร่วมทาง
ไปด้วย เพราะในขณะเกิดอุบัติเหตุทุกคนต่างก็ช่วยตัวเองให้ปลอดภัยก่อน
จึงจะช่วยผู้อื่น ถ้าจำเป็นต้องเดินทางคนเดียว เมื่อลงเรือโดยสารในเรือแล้ว
ควรบอกให้ผู้ควบคุมเรือและผู้โดยสารที่อยู่ข้างเคียงทราบ ไม่ควรถือ
เป็นเรื่องน่าอายแต่อย่างใด

1.3 ควรเลือกชุดที่สามารถถอดออกได้ง่าย รองเท้าที่สวมก็เช่นกัน
ควรถอดง่าย ถ้าเป็นรองเท้าหุ้มส้นไม่ควรใช้ชนิดผูกเชือก และถ้าจำเป็น
เมื่อลงเรือควรแก้เชือกรองเท้าให้หลวมหรือถอดรองเท้าออกเสียก่อน
รองเท้าหุ้มข้อ ไม่เหมาะสมต่อการสวมใส่ในการเดินทางเป็นอย่างยิ่ง

1.4 การรอลงเรือให้ยืนคอยบนฝั่งหรือท่า อย่ายืนคอยบนโป๊ะ
เพราะโป๊ะก็มีการทรงตัวเช่นเดียวกับเรือและรับน้ำหนักได้จำนวนจำกัด
หากลงไปยืนคอยบนโป๊ะมาก ๆ โซ่หรือเชือกที่ยึดเหนี่ยวโป๊ะไว้กับหลัก
อาจจะขาด ทำให้โป๊ะพลิกคว่ำทางด้านที่รับน้ำหนักมากกว่าได้

1.5 ถ้าเห็นว่าเรือบรรทุกตามที่กำหนดแล้ว (จำนวนการบรรทุก เช่น
น้ำหนักบรรทุก หรือจำนวนคนบรรทุก) ให้รอลงเรือลำต่อไป

1.6 การขึ้นหรือลงเรือให้คอยให้เรือจอดเทียบท่าเรียบร้อยเสียก่อน
อย่าแย่งกันลงเรือ หากเห็นว่ามีผู้โดยสารในเรือเต็มแล้ว สังเกตว่าเรือบรรทุก
เพียบมากให้คอยไปเรือลำหลัง

2. ในขณะเดินทาง
2.1 ในการเดินทางทางเรือจะต้องไม่กลัวเปียก ไม่กลัวแดด
เพราะในการขยับตัวเพื่อหลบฝอยน้ำหรือเปลี่ยนที่นั่งเพื่อหลบแดด
จะทำให้เรือเสียการทรงตัว

2.2 เมื่อลงเรือแล้วให้เดินเข้าไปในตัวเรือ อย่ายืนท้ายเรือ อย่านั่งกราบเรือ
หรือบนหลังคาเรือ การเลือกที่นั่งภายในตัวเรือให้คำนึงถึงการทรงตัวของเรือ
เป็นสำคัญ อย่าเห็นแก่ความสะดวกสบายเป็นใหญ่ ถ้าไปด้วยกันหลายคน
ให้กระจายกันนั่งเพื่อให้เรืออยู่ในลักษณะสมดุล อย่าคิดรวมกลุ่มกัน
เพื่อความสนุกสนานหรือพูดคุยกัน

2.3 อย่าตื่นตกใจเมื่อเรือเอียงหรือโคลง เพราะคลื่นหรือพริ้วน้ำจากเรืออื่น
พยายามยึดจับพนักที่นั่งให้มั่น อย่าให้ลื่นล้มไปรวมทางกราบเรือ
ที่เอียงไปได้ ส่วนผู้ที่อยู่ทางกราบเรือที่เอียงให้นั่งนิ่ง ๆ อย่ากลัวเปียกน้ำ
และอย่าพยายามขืนอาการเอียงของเรือ

2.4 ไม่ควรดื่มสุรามึนเมาขณะเดินทางทางเรือ

2.5 การขึ้นจากเรือเมื่อเรือเข้าเทียบท่าแล้วให้ทยอยกันขึ้นอย่าลุกขึ้น
พร้อม ๆ กัน เรืออาจพลิกคว่ำได้ และเมื่อเรือเดินทางต่อไป ผู้โดยสาร
ที่เหลืออยู่ต้องขยับขยายที่นั่งใหม่ เพื่อให้เรือทรงตัวอยู่ในลักษณะ
ที่สมดุลย์ที่สุดเท่าที่จะทำได้


สนใจท่องเที่ยวไปกับน่านฟ้าเวิร์ลทัวร์ติดต่อได้ที่
E-mail: Nanfahtour@gmail.com
Tel: 087-084-2233